อีกทั้ง เมื่อตระกูลเย้นเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ นั่นหมายความว่าคนตระกูลเย้นสามารถยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวในบริษัทได้
คนตระกูลเย้นเข้ามา อาจมารบกวนหรือทำลายแผนการของพวกเขาได้
นี่เป็นสิ่งที่เก่อหรูซวนไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น แต่ว่า แม้ว่าเธอจะไม่ยอม ตามทิศทางของอำนาจ เธอไม่อาจขัดขวางได้
ขัดขวางกำไรมากมายที่เข้ามาสู่บริษัท ยิ่งไม่มีใครสนับสนุน เธอยิ่งจะถูกสงสัย
โห้หลีเฉินที่เดิมไม่ควรเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่กลับสูญเสียสติไปกว่าครึ่งเพื่อเย้นหว่าน สุดท้ายก็ยอมสนับสนุนเธอ
เขารู้หรือไม่ ว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้
เก่อหรูซวนยิ่งคิดความโกรธก็ยิ่งพุ่งสูง ยิ่งรับรู้ว่าสถานการณ์นั้นเกินที่จะควบคุมได้ ทำให้เธอรู้สึกไม่สงบ ร้อนใจ
หลังเลิกประชุม
พนักงานต่างพากันแยกย้าย โห้หลีเฉินและเย้นหว่านออกไปด้วยกัน เมื่อเดินมาถึงทางเดินที่ไร้ผู้คน มีเพียงพวกเขาสองคน
ดังเช่นปกติ ไม่มีใครมอง เย้นหว่านรีบถอยออกมาจากอ้อมแขนของโห้หลีเฉิน รักษาระยะห่างกับเขา
ที่แปลกออกไปก็คือ โห้หลีเฉินไม่ได้ตามเข้าไปกอดเธอ
เขาเดินไม่ช้าไม่เร็วอยู่ข้างๆ รอบด้านเงียบสงบได้ยินกระทั่งเสียงรองเท้ากระทบพื้นยามก้าวเดิน
บรรยากาศแบบนี้ เงียบจนคนรู้สึกอึดอัด
เย้นหว่านรู้ว่าบางทีเขาอาจจะโกรธ แต่เธอกลับไม่ใส่ใจยังคงเดินต่อไป ราวกับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
เดินไปได้สักระยะ โห้หลีเฉินจึงเอ่ยออกมาช้าๆ
"ทำไมถึงทำแบบนี้"
เย้นหว่านเดินไปพลางถาม "คุณพูดเรื่องอะไร"
โห้หลีเฉินจับเธอเอาไว้ ให้หันหน้ามาหาตน เขาขมวดคิ้ว เอ่ยถามเสียงเข้ม "ทำไมถึงไปปรึกษาผม แล้วดึงดันจะเปิดเส้นทางธุรกิจกับตระกูลเย้น คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของผมกับตระกูลเย้นเป็นอย่างไร"
"คุณกำลังโทษฉันอยู่เหรอคะ" เย้นหว่านถามกลับ
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว "ไม่ได้โทษคุณ ทำไมคุณถึงไม่ปรึกษาผมก่อน"
"หากฉันคุยกับคุณแล้ว คุณยังจะยอมที่จะเปิดเส้นทางธุรกิจกับตระกูลเย้นอยู่ไหม"
โห้หลีเฉินเม้มปาก คิ้วขมวดมุ่นกว่าเดิม
เขาไม่ตอบ ทว่ายอมรับแบบเงียบๆ
"สิ่งที่ฉันจะทำ ฉันก็ต้องทำ ในเมื่อคุณไม่เห็นด้วย แล้วทำไมฉันต้องปรึกษากับคุณด้วย" เย้นหว่านเอ่ยเสียงเรียบ เอ่ยออกมาในสิ่งที่เธอทำไปก่อนได้อย่างเรียบเฉย
และขีดเส้นความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนอย่างชัดเจน
โห้หลีเฉินไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ "คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ คุณต้องการอะไร ผมให้คุณได้ทุกอย่าง"
อำนาจที่สองก็เช่นกัน
แม้เหล่าผู้ถือหุ้นจะไม่ยินยอม เพียงเย้นหว่านต้องการ ต่อไปอย่างไรเขาก็ต้องยกมันให้เธอ
แต่เธอใช้วิธีของเธอ ทำไปก่อนแล้วรายงานทีหลัง ไม่สนใจเขา บีบให้เขายอมเปิดเส้นทางธุรกิจกับตระกูลเย้น และได้รับอำนาจตามมาอีกด้วย
เย้นหว่านกลับยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา "คุณโห้ ฉันต้องการให้เก่อหรูซวนไสหัวไป หายไปจากที่นี่ คุณทำให้ฉันได้หรือเปล่า"
คิ้วของโห้หลีเฉินขมวดแน่นขึ้น "ขอแค่เรื่องนี้ ผมรับปากคุณไม่ได้"
"นี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดแล้ว" ดวงตาของเย้นหว่านนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด มือเรียวเล็กยกขึ้น กำลังจะวางลงบนแก้มของโห้หลีเฉิน ทว่าเหลือเพียงอีกนิดเดียวเท่านั้นเกือบจะสัมผัสกับผิวของเขา
"หากเป็นเมื่อก่อน ฉันคงไม่ต้องทำอะไรแบบนี้ ฉันแค่ต้องการอยู่เคียงข้างคุณ เชื่อคุณไปทั้งใจ และอยู่อย่างสงบ แต่ตอนนี้ คุณยังเป็นคุณอยู่ไหม"
ระหว่างเขากับเธอ มีเส้นกั้นเอาไว้ ไม่ใช่เส้นที่เย้นหว่านเป็นคนขีด มันเป็นเส้นที่มีอยู่แล้ว
สามปีมานี้ ความเปลี่ยนแปลงและความสนิทสนมของพวกเขา
แม้กระทั่งตำแหน่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...