บทที่ 184 วันพิเศษ
เย้นหว่านไม่รู้ว่าตัวเองเดินออกมาจากบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอเดินไปเรื่อยๆ ก้าวเดินตรงไปข้างหน้า ตรงหน้าเธอมีแต่ความมืดมิด
เธอสับสนมาก ไม่รู้ว่าควรจะเดินไปทางไหน
ใช่แล้ว ตอนนี้เธอไม่มีบ้านแล้ว ไม่มีที่ไปแล้ว
เธอกลับมาเป็นเด็กกำพร้าอีกครั้ง เป็นคนไร้บ้าน
“ซ่า…”
เสียงฝนตกลงมา ฝนแต่ละเม็ดที่ตกลงมา เม็ดใหญ่มาก พอตกลงมาถูกร่างกายก็เจ็บไม่น้อย
หลังจากนั้นฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นพายุฝน
เย้นหว่านยืนอยู่ตรงประตู เธอลูบหน้าตัวเอง ที่ตอนนี้เปียกไปหมด ทำให้แยกแยะไม่ถูกว่าเป็นน้ำฝนหรือว่าน้ำตา
เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสายฝนโรยรา ด้วยความรู้สึกสับสน
ช่างน่าเศร้าจริงๆ เพิ่งจะกลายเป็นคนไร้บ้าน สวรรค์ก็ยังจะรังแกเธอ จนทำให้เธอเปียกปอนเหมือนลูกหมาตกน้ำอีก
เย้นหว่านรู้สึกเสียใจมาก เธอเดินตากฝนโดยไม่ห่วงตัวเอง ยังไงซะ เธอก็ไม่มีคนต้องการแล้ว จะตากฝนจนเป็นไข้ ก็ไม่มีใครมาเป็นห่วงเป็นใย
ทันใดนั้นเอง ก็มีร่มสีดำขนาดใหญ่กางขึ้นมาเหนือศีรษะของเธอ ทำให้เธอไม่ถูกฝนตกใส่
พอหันไปมองที่คนที่กำลังถือร่มอยู่ กลับได้เจอกับใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของโห้หลีเฉิน เขาเองก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน และดูเหมือนกำลังขมวดคิ้วอยู่ด้วย ท่าทางของเขาดูเป็นห่วงมาก
“ถึงจะเสียใจยังไง ก็ไม่ควรมาตากฝนแบบนี้”
น้ำเสียงของเขาต่ำมาก เหมือนกำลังสั่งการเธออยู่
แต่ในขณะที่กำลังพูด เขาก็เอื้อมมือมาวางไว้ที่ไหล่ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
ร่างกายที่สูงใหญ่ของเขาเหมือนกำลังช่วยบังฝนให้เธอ ทำให้หยาดฝนที่พัดเข้ามาถูกบังไว้ทั้งหมด
เย้นหว่านมองหน้าเขาอย่างตกตะลึง เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เขามอบให้ ทำให้หัวใจที่ถูกแช่แข็งของเธอ ได้รับความอบอุ่นบ้าง
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันคะ”
โห้หลีเฉินกอดเย้นหว่านเดินออกไป พร้อมกับพูดไปด้วย “ผมไม่ได้กลับบ้าน”
เขารอเธออยู่ข้างนอกมาตลอด
เขาอยู่ตรงสวนดอกไม้ ตอนที่เย้นหว่านเดินออกมามีท่าทางเศร้าซึม จึงไม่สังเกตเห็นเขา
เย้นหว่านตกใจมาก ตามมาด้วยตะลึง และทำตัวไม่ถูก
เขาไม่ได้กลับไป เสียงที่พวกเธอทะเลาะกันดังมาก รายละเอียดเขาคงจะได้ยินหมดแล้วแน่ๆ
งั้นเขาก็ต้องรู้ ว่าเธอถูกไล่ออกมาจากบ้านตระกูลเย้นแล้ว
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนบาดแผลตรงหัวใจถูกเปิดออกมาอีกครั้ง มันทรมานมาก
เธอก้มหน้าลง น้ำตาเริ่มคลอ เธอรีบผลักโห้หลีเฉินออกห่าง
“ฉันอยากจะเดินเองค่ะ”
พอรู้สึกได้ถึงการกระทําของเย้นหว่าน มือของโห้หลีเฉินที่กำลังโอบไหล่เย้นหว่านไว้ก็โอบแน่นขึ้น ดึงเธอเข้ามากอดแน่น ไม่ยอมให้เธอดิ้นหนี
เขาก้าวขายาว บังคับพาเย้นหว่านเดินตรงไปที่รถที่จอดอยู่ข้างนอก
เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง “กลับบ้านกับผม”
บ้านเหรอ
คำคำนี้เหมือนเข็มที่แหลมคม ปักลงมาที่หัวใจของเย้นหว่าน ทำให้เธอเจ็บปวดมาก
เธอพยายามต่อต้านไม่อยากเดินไปข้างหน้า ก่อนจะพูดออกมาอย่างใส่อารมณ์
“ฉันไม่ต้องการความสงสารของคุณ ฉันไม่มีบ้านให้กลับไปแล้ว”
เธอถูกไล่ออกมาแล้ว เธอไม่มีพ่อแม่ ไม่มีบ้านอีกต่อไปแล้ว
ต้องกลายเป็นคนน่าสงสารที่ต้องอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ไม่มีที่พึ่งพิง ไม่มีใครมาห่วงใยอีกแล้ว
จากนี้ไปถึงเธอจะหายตัวไป หรือว่าตายไป ก็คงไม่มีใครรู้ และไม่มีใครสนใจ
“ใครบอกว่าคุณไม่มีบ้านแล้ว”
โห้หลีเฉินถามกลับเสียงนิ่ง สายตาที่จ้องมองเธอดูลุ่มลึกมาก ทุกคำที่เขาพูดนั้นเฉียบขาดมาก
“เย้นหว่าน คุณฟังให้ดี จากนี้ไปบ้านของผม ก็คือบ้านของคุณ”
เย้นหว่านชะงักงัน
เสียงฝนที่ตกอยู่รอบด้าน ฝนที่ตกลงมากระทบร่ม จนเกิดเสียง แปะแปะ ในเวลานี้ ดูเหมือนเสียงนั้นจะหายไป โลกทั้งใบเหมือนจะเงียบงัน จนได้ยินแค่เสียงของโห้หลีเฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...