บทที่ 211 คืนนี้ผมจะนอนที่นี่
โห้หลีเฉินมองดวงตาดำขลับ นัยยะมั่นใจนั่นทำให้เขาพยายามสะกดกลั้นความโกรธ
เย้นหว่านเห็นเขาคลายโมโหลงบ้าง รีบเกลี้ยกล่อมต่อทันที:
“คุณโห้ คุณปล่อยฉันก่อน คุณทำฉันเจ็บแล้วนะ แถมนี่ยังอยู่หน้าโรงแรมอีก”
คนเดินผ่านไปมาเริ่มมองพวกเขาหลายครั้งแล้ว
โห้หลีเฉินมีหรือจะแคร์สายตาคนอื่น? เขาคลายแรงที่มือออก เปลี่ยนเป็นจับอย่างอ่อนโยน เพียงแต่ยังไม่ปล่อยเธอเท่านั้น เขาเตือนเธอว่า: “ต่อไปอยู่ให้ห่างเขาหน่อยนะ ผู้ชายที่ส่งผู้หญิงกลับบ้านดึกดื่นค่อนคืนน่ะไม่ใช่คนดีอะไรหรอก”
คำสั่งชัดๆ แถมยังข่มขู่กลายๆอีก
ทำหยั่งกับว่าถ้าเธอไม่รับปาก เขาจะไม่ยอมปล่อยมืองั้นแหละ
เย้นหว่านแอบเสียงสันหลังวาบ ดูเหมือนโห้หลีเฉินจะส่งเธอกลับบ้านหลายครั้งมากกว่านะ แบบนี้หรือว่าประธานโห้เองก็คิดไม่ซื่อกับเธอ?
คำพูดนี้เย้นหว่านไม่กล้าพูดหรอก เธอหัวเราะแหะๆพลางพยักหน้า: “ค่ะ คุณโห้ คุณควรปล่อยฉันได้แล้วนะคะ”
โห้หลีเฉินเห็นเธอรับปาก ความโกรธในใจหายไปกว่าครึ่งอย่างน่าประหลาด แต่เขาไม่ค่อยชอบใจสรรพนามที่เธอเรียกเขาเท่าไหร่
เขาเอ่ยปาก: “นับจากวันนี้เป็นต้นไป เปลี่ยนคำเรียกผมซะ”
“หา?”
“ฟังไม่รู้เรื่อง?” โห้หลีเฉินเข้าใกล้เธอมากขึ้น จนร่างเขาแนบติดหน้าอกเธอ
เย้นหว่านหน้าแดงฉับพลัน ไม่เจอกันหลายวัน ทำไมเขา...ทำไมเป็นแบบนี้...
“ว้าว! ประชิดติดผนังกลางถนน ดูเท่ห์ดูดีมากเลย!” ทันใดนั้นเสียงวี๊ดว๊ายดังขึ้น
เย้นหว่านเหลือบตามอง เห็นผู้หญิงสามคนมองมาทางเธอกับโห้หลีเฉินอย่างตื่นเต้น คนหนึ่งนัยน์ตาฉายชัดถึงความอิจฉาคลั่งไคล้
อีกสองคนหยิบมือถือออกมาพลางเมาท์กระจาย
“พระเจ้า หนุ่มหล่อสาวสวย น่าอิจฉาจริงๆเลย”
“มาประชิดฉันติดฝาผนังบ้างสิ ให้ตายก็ยอม”
พอมีสามคนมายืนจ้อง คนอื่นเริ่มมองมากันบ้าง
เย้นหว่านรู้สึกแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่สบายไปทั้งตัว แต่เธอยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงผู้ชายจากเหนือหัว:
“ใบ้ให้อย่างหนึ่ง เรียกชื่อสองตัวหลัง หรือไม่ก็ตัวสุดท้าย เลือกเอาตามใจเลย”
น้ำเสียงโห้หลีเฉินยังคงน่าฟังเหมือนเดิม แต่สีหน้าเขาเรียบเฉยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เหมือนไม่แคร์การโดนคนมุงดู
ในใจเขา คำว่า ‘คุณโห้’กับ‘คุณฉู’ทำเขาใกล้บ้าเต็มทนแล้ว
เย้นหว่านรู้ชัดถึงความบ้าอำนาจของผู้ชาย เป็นแบบนี้ต่อไป คนรอบข้างจะยิ่งโดนดึงดูดมาเพิ่มมากขึ้น แต่...
หลีเฉินซึ่งเป็นชื่อสองตัวหลัง กับเฉินซึ่งเป็นตัวสุดท้าย ทำยังไงเธอก็เรียกไม่ออกนี่
เย้นหว่านจับเสื้อสูทเขาไว้แน่น พยายามหลบในอ้อมกอดเขาอย่างขลาดกลัว:
“ฉันยังไม่ชินเลย อีกอย่างให้มาเรียกกลางสาธารณชนแบบนี้ฉันเรียกไม่ออกจริงๆ กลับห้องแล้วค่อยเรียกนะ”
เธอตื่นเต้นมากจริงๆ แถมเธอหน้าบาง โดนคนมุงดูแบบนี้ เธอแทบอยากหารูมุดหัวเข้าไปเลยทีเดียว
ถึงโห้หลีเฉินจะไม่ได้รับคำตอบที่พอใจ แต่เธอเข้ามาหลบในอ้อมกอดเขา แถมยังขอร้องเสียงเบา ทำตัวน่ารักออดอ้อนเหมือนลูกแมวน้อย
ใจรู้สึกเหมือนมีขนนกบางเบาพัดผ่านไป มีหรือจะกล้าทำให้เธอลำบากใจอีก?
เขาถอยมาหนึ่งก้าวโอบกอดเอวเธอ เดินไปทางโรงแรมอย่างไม่แคร์สายตาประชาชี
ไม่นานก็เดินถึงลิฟท์ พอผ่านเสียงติ๊ง ในที่สุดโลกก็สงบลง
เย้นหว่านผลักโห้หลีเฉินอัตโนมัติ เห็นเขายืนอยู่ในลิฟท์อย่างไม่อยากเชื่อสายตา เขามาแล้วจริงๆ แถมเมื่อกี้ยัง...ประชิดเธอติดฝาผนัง
เมื่อกี้มัวแต่ตื่นเต้นเลยไม่ได้สังเกตอะไร แต่พอคิดอีกทีตอนนี้ ร่างกายเขาแนบชิดเธอ สองร่างอยู่ใกล้กันมาก คิดๆแล้วอดหน้าแดงไม่ได้
เธอถอยหลังอีกหนึ่งก้าวฉับพลัน เพื่อเว้นระยะห่างกับเขา
โห้หลีเฉินสังเกตเห็นการกระทำของเธอ ถึงจะชินแล้ว แต่อดขมวดคิ้วไม่ได้:
“เวลาอยู่ต่อหน้าคุณฉู ไม่เห็นเธอถอยแบบนี้เลย”
น้ำเสียงฟังดูแปลกๆแฮะ
เหมือนตอนอยู่ข้างนอกเมื่อกี้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...