บทที่ 317 ยังจริงจังกว่าปักผ้า
ถึงแม้จะเป็นความจริงใจ แต่ว่าสถานการณ์แบบนี้ พูดออกมาไม่เพียงไม่มีใครเชื่อ ยังจะโดนคนเหยียดยาม รังเกียจด้วย
ตอนนี้โห้หลีเฉินเหมือนจะยังไม่ได้อภัยให้เธอ และอาจจะปฏิเสธเธอด้วย ถ้าเธอพูดไปแล้ว เขาอาจจะยิ่งไล่เธอออกไปโดยตรง
โดยเฉพาะสถานการณ์นี้ ความจริงไม่ค่อยดีนัก เธอยังพูดไปเหมือนไม่จริงใจขนาดนั้น
เย้นหว่านกลัดกลุ้มเต็มท้องไปหมด ยิ่งไม่ชอบมู่หรุงซิ่นมากขึ้น
เธอหันหน้า “ฉันอยากพูดอะไร เกี่ยวอะไรกับเธอ?”
ท่าทีของเย้นหว่านร้ายมาก ทำให้มู่หรุงซิ่นสีหน้าลำบากใจเป็นช่วงๆ
หล่อนน้ำตาคลอมองทางโห้หลีเฉิน “เฉิน นายดูหล่อนสิ ปกติก็ดุร้ายไร้มารยาทกับฉันแบบนี้ ยิ่งไร้ความรู้สึกกับนายด้วย มีเพียงหลอกใช้ประโยชน์”
เย้นหว่านอยากบีบคอมู่หรุงซิ่นให้ตายจริงๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว หล่อนยังใส่ร้ายเธอได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
ภาพลักษณ์ของเธอในใจโห้หลีเฉินตอนแรกก็ไม่มั่นคงอยู่แล้ว ถ้าถูกมู่หรุงซิ่นป้ายสีอีกหน่อยจะทำอย่างไรกัน?
เย้นหว่านกำลังหงุดหงิด มือของโห้หลีเฉินกลับพลิกกุมมือน้อยของเธอไว้เบาๆ
เขาใช้สายตาเมินเฉยมองมู่หรุงซิ่น น้ำเสียงเย็นเฉียบเสียดกระดูก
“ระหว่างฉันกับเย้นหว่านเป็นยังไง ไม่ถึงขั้นให้เธอมาพูดถึง มู่หรุงซิ่น เรื่องรถชนฉันจะตรวจสอบเอง เธอทำอะไรเอาไว้ ผลสุดท้ายแบกรับเอาเองแล้วกัน”
คำพูดประโยคหนึ่ง เสมือนตัดสินประหารชีวิต
สีหน้าของมู่หรุงซิ่นซีดขาวราวกระดาษในชั่วพริบตาเดียว ร่างกายอ่อนยวบจนเกือบยืนไม่นิ่ง
ผลสุดท้ายจากการตรวจสอบ เดิมทีหล่อนคงแบกรับไม่ไหว
ท่าทางของหล่อนเกือบพังทลายไม่ไหวแล้ว ทั้งเสียงสะอึกสะอื้นทั้งสั่นเทา “เฉิน ความสัมพันธ์ของฉันกับนายหลายปีขนาดนี้ หรือว่านายยังไม่เชื่อฉันเหรอ?”
เสียงของมู่หรุงซิ่นทำให้โห้หลีเฉินรู้สึกแค่รำคาญ
เขาขมวดคิ้วแบบทนไม่ไหว ยกมือขึ้นแล้ว
เว่ยชีที่อยู่นอกประตูรีบเดินเข้ามา พูดด้วยเสียงเย็นแข็ง “คุณหนูมู่หรุงครับ คุณผู้ชายต้องการพักผ่อน เชิญคุณออกไปนะครับ”
มู่หรุงซิ่นหวาดหวั่นและไม่ยินยอม ส่ายหน้าไปทีหนึ่ง อยากเดินไปทางโห้หลีเฉิน
“ฉันไม่ไป เฉิน นายเชื่อฉัน นายฟังฉันอธิบายได้มั้ย?”
“คุณหนูมู่หรุง เชิญครับ”
น้ำเสียงของเว่ยชียิ่งหนักเพิ่มอีกสองเท่า
ขณะเดียวกันเขายื่นมือออกไป จับมู่หรุงซิ่นเอาไว้ บังคับดึงหล่อนไปทางด้านนอก
เว่ยชีเป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนเฉพาะทาง ฝีมือยอดเยี่ยม กำลังยิ่งมาก มู่หรุงซิ่นดิ้นรนอย่างไร ล้วนได้แต่ถูกลากเดินไปข้างนอก
ไม่มีภาพลักษณ์ให้พูดถึงสักนิด
มองระยะห่างของโห้หลีเฉินที่นับวันยิ่งไกลจากตนเองไป เหมือนกำจัดหล่อนออกจากโลกของเขาถึงที่สุด มู่หรุงซิ่นหมดหวังอย่างสยองขวัญหวาดกลัว
และผู้ชายคนนั้น กลับไม่เคยมองหล่อนสักนิดเช่นกัน สายตาที่ล้ำลึกตั้งมั่นนั้น มองเพียงเย้นหว่านที่อยู่ตรงหน้าของเขา
แววตานั้นซ่อนความรักเอ็นดูและความลึกซึ้งไว้ ถูกหล่อนจับไว้ได้หมดอย่างแจ่มแจ้ง
ทำไมถึงขั้นนี้แล้ว ในสายตาในใจของโห้หลีเฉินยังมีแต่เย้นหว่านอีก?
ทำไม?
หล่อนไม่ยินยอมหรอก
มู่หรุงซิ่นตะโกนแบบเป็นโรคประสาท “เย้นหว่าน เธอทำร้ายเฉิน ตอนนี้ไม่เสียใจแล้วเหรอ ยังอยากมาคืนดีกับเฉินเหรอ?”
หล่อนกำลังถาม คำเสริมด้านหน้าคำถามนั้น ทำให้การทำร้ายพวกนั้นขยายใหญ่แล้ว
ถ้าเย้นหว่านตอบ การทำร้ายพวกนั้นล้วนกลายเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างสองคนโดยปริยาย
มู่หรุงซิ่นเกลียดจนดุร้าย ในเมื่อหล่อนไม่ได้รับ หล่อนก็จะไม่ให้เย้นหว่านอยู่ดีเด็ดขาด!
มู่หรุงซิ่นถูกบังคับให้ไป พอประตูปิดสนิท ในห้องคนไข้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
เย้นหว่านนั่งลงข้างเตียง เผชิญหน้ากับโห้หลีเฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...