บทที่ 436 เกลียดสิ่งไหนมักเจอสิ่งนั้น สิ่งหนึ่งมักแพ้ทางอีกสิ่งหนึ่ง
"ไม่เหมือนกันตรงไหน"
เย้นเจิ้นจื๋อสงสัย เขาภูมิใจที่ลูกชายกำลังจะหาลูกสะใภ้ได้ เขาจึงดีใจเป็นอย่างมาก
กงจืออวีขมวดคิ้ว “รู้สึกว่าระหว่างเขากับเสี่ยวหว่าน ดูเหมือนจะสป๊าร์คกัน”
“สป๊าร์คกัน? อย่างนั้นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ! ถ้าเสี่ยวหว่านสามารถเปิดใจให้กับคนอื่น ก็แสดงว่าเธอสามารถเดินออกมาจากความรักครั้งก่อนได้แล้ว”
เย้นเจิ้นจื๋อพลางยิ้มแล้วตบที่ไหล่เบาๆของกงจืออวี “คุณจะกังวลทำไม ถ้าหากเป็นข่าวดีทั้งคู่ก็ดีนะสิ พวกเราจะได้อุ้มหลานในเวลาคราวเดียวกันไง”
ถ้าเสี่ยวหว่านชอบคนอื่นเข้าจริงๆก็ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน เพียงแต่…..”
แววตากงจืออวีดูซับซ้อน และมีความกังวลเล็กน้อย
เสี่นวหว่านเจ็บปวดจากโห้หลีเฉินขนาดนั้น แล้วจะเปิดใจให้ชายอื่นได้อย่างง่ายดายอย่างนั้นหรือ
เรื่องบางเรื่องราบรื่นเกินไป ก็ดูคล้ายจะผิดปกติ
ณ ฟลอร์เต้นรำ เย้นหว่านเต้นตามสเต็ปการเยื้องย่างของกู้ซึง เขาจึงดึงเธอให้คล้อยตามเขาได้อย่างง่ายดาย
เดิมทีเธอไม่ชอบการเต้นรำ ยิ่งไม่ชอบเต้นคู่กับผู้ชายต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นเธอเต้นกับหยูซือห้านรู้สึกแข็งกระด้าง และรู้สึกทรมาน แต่เวลานี้เธอเต้นตามสเต็ปกู้ซึง กลับรู้สึกผ่อนคลาย และยังรู้สึกเพลิดเพลินสนุกไปกับการเต้นรำ
เต้นไปเต้นมา หัวใจของเธอล่องลอยตามเขาไป คนรอบข้างต่างจ้องมอง จนแทบจะอ่อนระทวยตาม
ในสายตาของเธอแทบจะมองเพียงแต่เขาเท่านั้น
กู้ซึงโอบเย้นหว่าน ก้มหน้าเล็กน้อย แล้วจ้องมองเธอ
เผยรอยยิ้มขี้เล่นที่มุมปาก "จ้องผมขนาดนี้ ตกหลุมรักผมเหรอ”
เย้นหว่านชะงัก แก้มแดงขึ้นเล็กน้อย
เธอพูดเสียงต่ำๆ : “แล้วไม่ได้เหรอคะ พี่ชาย”
เสียงเรียกพี่ชายนั้นนุ่มนวลราวกับน้ำ ได้ละลายเข้าไปในแก้วหูของชายหนุ่ม
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า คำว่าพี่ชายสองคำนี้ช่างเสนาะเพราะพริ้งอะไรเช่นนี้
แขนของเขาที่โอบอยู่ที่เอวของเธอ ได้ดึงรวบเธอเข้ามาในอ้อมกอดของเขา
ระยะห่างของทั้งคู่จึงใกล้ชิดกันในบัดดล จนร่างแทบจะแนบติดกันกับอีกฝ่าย ริมฝีปากที่บางเบา กั้นด้วยระยะห่างเพียงน้อยนิด ก็เกือบจะประกบติดเข้าด้วยกัน
เขาจ้องมองเธอ สายตาอันมืดมิดกำลังเปล่งประกายด้วยเปลวไฟ
พูดด้วยน้ำเสียงขรึมว่า : “แล้วคุณอยากให้ผมตอบกลับว่าอย่างไร”
ลมหายใจของชายหนุ่มได้เข้ามาใกล้ แม้ว่าจะเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย แต่ลมหายใจของเขานั้น เธอคุ้นเคยดี คุ้นเคยจนฝังลึกเข้าไปในกระดูก
เธอปล่อยให้เขาโอบกอดได้อย่างตามใจ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขอเพียงเป็นคุณ อย่างไรก็ได้”
ดวงตาของชายหนุ่มหรี่ลงอย่างกะทันหัน แสงในดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้น
เขาโอบกอดรัดเธอแน่น
ลูกกระเดือกของเขากำลังเคลื่อนไหว สักพัก ดูเหมือนจะบดฟันขบกันพูดสองสามคำออกมาจากริมฝีปากของเขา
“เย้นหว่าน ผมอยากแอ้มคุณตอนนี้จริงๆ!”
น้ำเสียงนั้น เสียงของการบดฟันขบกันที่ไม่สมดั่งใจปรารถนาที่เย้นหว่านคุ้นเคย
เธอหน้าแดง อดไม่ได้จึงยิ้มหัวเราะขึ้น
ดวงตาหยักโค้งสดใสราวกับดวงดาวที่สว่างไสวบนท้องฟ้า
ความกำยำของชายหนุ่ม ใบหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาว ควบคู่กับลีลาท่าเต้นที่งามวิลาส ช่างเป็นภาพที่งดงาม จนทำให้ผู้คนรอบข้างเห็นแล้วแทบอยากจะหาคู่รักในทันที
ท่ามกลางฝูงคน หยูซือห้านได้ลุกขึ้นยืนตรง พร้อมกับแผ่กระจายบรรยากาศที่เยือกเย็น
สายตาของเขามองเย้นหว่านกับกู้ซึงอย่างเย็นยะเยือก มือที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงสูท ได้กำหมัดแน่น ส่งเสียงกระแอมขึ้น
วันนี้เดิมทีเป็นโอกาสดีที่เขาจะประกาศความสัมพันธ์กับเย้นหว่าน แต่กลับนึกไม่ถึงว่า ไม่เพียงแต่ไม่เป็นดังที่คิดไว้ ตอนนี้ยังกลับโผล่ชายหนุ่มมาหนึ่งคน มาเต้นรำคู่กับเย้นหว่านต่อหน้าผู้คน!
ความใกล้ชิดของพวกเขาสองคน และบรรยากาศที่อบอุ่น ช่างดูเหมือนคู่รักยิ่งกว่าเขาในตอนนั้นเสียอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...