บทที่472 ตรวจสอบใบหน้า
หยูซือห้านขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธเคือง เพลิงไฟในหน้าอกลุกโหมแต่กลับไม่สามารถพ่นออกมาได้
สถานการณ์ถูกผลักดันมาถึงตรงนี้แล้วแท้ ๆ แต่ไม่คิดเลยว่ากู้ซึงจะสู้กลับด้วยวิธีทำลายตัวเองเช่นนี้
แต่เขาก็ทำมาถึงตอนนี้แล้ว เขาไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปแบบนี้ได้อย่างแน่นอน
วันนี้ เขาจะต้องเปิดโปงโฉมหน้าปลอม ๆ ของกู้ซึง ให้คนทั้งหมดรู้ให้ได้ ว่ากู้ซึงคนนี้ ที่จริงแล้วก็คือโห้หลีเฉิน!
ถึงเวลานั้น ไม่เพียงแค่ตระกูลเย้นจะรังเกียจการหลอกลวงของเขา ตระกูลหยูเอง ก็จะต้องอับอายที่โห้หลีเฉินแอบอ้างตัวตนของบุคคลอื่นด้วย
ที่ยืนของโห้หลีเฉินในตระกูลหยูนั้นเดิมก็ไม่มั่นคงอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นสถานการณ์ในตระกูลหยู ก็มีแต่จะยิ่งย่ำแย่และบีบคั้น
ไม่ว่ายังไงก็ตาม การเดินพลาดก้าวนี้ของโห้หลีเฉิน ก็เป็นโอกาสของหยูซือห้าน
สายตาคมกริบของโห้หลีเฉินพลันหันไปมองทางเย้นหว่าน เอ่ยเสียงดัง
“เสี่ยวหว่าน ฉันอยากจะถามเธอสักคำถาม”
เขากำลังออกปากถาม แต่น้ำเสียงนั้น กลับไม่ยอมเปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
เย้นหว่านรู้ดีว่าหยูซือห้านนั้นเป็นพวกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เป็นพวกอสรพิษมาตลอด เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดจะคุยกับเขาในเวลานี้ เพราะเบื้องหน้านั้นย่อมมีหลุมพรางอยู่แน่นอน
เย้นหว่านเอ่ยด้วยใบหน้าขรึม “ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงใส่ความว่ากู้ซึงคือโห้หลีเฉิน แต่การทำอย่างนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกแย่มาก คุณชายหยู ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ”
ปฏิเสธโดยไม่ไว้หน้าใด ๆ
หยูซือห้านผงะไปเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ
ต่อหน้าเย้นหว่านแล้วเขาไร้ค่าโดยสิ้นเชิง ถูกเธอเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่แย่หน่อยที่เขาถูกเหยียบจนชินชาไปแล้ว แม้แต่ความโกรธก็ไม่รุนแรงเท่าครั้งแรกแล้ว
ดังนั้น เขาแทบจะไม่ต้องใช้เวลาปรับอารมณ์เลยแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ
“เสี่ยวหว่าน คำถามที่ฉันจะถาม น่าจะเป็นคำถามที่ทุกคนในตระกูลเย้นอยากรู้นะ ในเมื่อเธอมั่นใจขนาดนี้ว่ากู้ซึงไม่ใช่โห้หลีเฉิน ถ้างั้นในก้นบึ้งหัวใจของเธอ สุดท้ายแล้วกู้ซึงสำคัญที่สุด หรือโห้หลีเฉินสำคัญที่สุดกันแน่?”
สายตาของหยูซือห้านมองเย้นหว่านอย่างเฉียบคม แต่ละคำเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ เหมือนกับการขว้างมีดคมกริบใส่เย้นหว่าน
“ถ้าเธอยังมีโอกาส เธอจะเลือกที่จะอยู่กับโห้หลีเฉินอีกไหม? หรือว่า ที่จริงเธอได้เลือกกู้ซึงไปแล้ว และคิดจะลืมความรู้สึกที่เคยมีต่อโห้หลีเฉินไปอย่างสิ้นเชิงอย่างนั้นเหรอ?”
“ฉัน....”
เย้นหว่านอ้าปากค้าง แต่กลับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เธอพบว่า ไม่ว่าเธอจะตอบกลับไปยังไง ทั้งหมดก็ล้วนเป็นกับดัก มันผิดทั้งหมด
หากเธออยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเย้นแบบนี้ เลือกกู้ซึงอย่างตรงไปตรงมา ก็จะหมายถึงการประกาศจะละทิ้งความเป็นไปได้ในความสัมพันธ์กับโห้หลีเฉิน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ พูดออกไปแล้ว ก็จะไม่สามารถเรียกคืนมา
จากนี้ไม่ว่าโห้หลีเฉินจะปรากฏตัวด้วยฐานะไหน เธอก็ไม่สามารถอยู่กับโห้หลีเฉินได้อีก
แต่ถ้าหากตอนนี้เธอบอกว่ายังไม่ลืมโห้หลีเฉิน แต่กลับไม่สามารถอธิบายต่อกู้ซึงที่อยู่ตรงหน้าได้ หัวใจของคนคนหนึ่งมีคนถึงสองคน ด้วยสถานะนี้ของกู้ซึง ก็จะไม่ยุติธรรม
ยังไง เย้นหว่านจะพูดอะไรก็ผิดทั้งนั้น ล้วนตัดเส้นทางที่เธอกับโห้หลีเฉินจะไปต่อทั้งสิ้น
หัวใจเย้นหว่านหนักหน่วงและหดหู่อย่างมาก หยูซือห้านพยายามต้อนให้เธอหมดทางหนีนี่นา!
หยูซือห้านเมื่อเห็นสีหน้าของเย้นหว่านซีดเผือดและสับสน มุมปากก็ยกยิ้มเย้ยอย่างเย็นชา
เขาขึ้นเสียงพูด “เสี่ยวหว่าน เธอลังเล หรือจะบอกว่า ใจของเธอยังไม่ปล่อยวางโห้หลีเฉิน คิดว่าหลังจากนี้หากมีโอกาสก็จะกลับไปกับเขาอย่างนั้นเหรอ?”
เย้นหว่านขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จ้องเขม็งไปที่หยูซือห้านอย่างดุเดือด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...