สรุปเนื้อหา บทที่487 ฉันต้องการฟังความจริง – สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน โดย ถางเสี่ยวเถียน
บท บทที่487 ฉันต้องการฟังความจริง ของ สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ถางเสี่ยวเถียน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่487 ฉันต้องการฟังความจริง
การเคลื่อนไหวของโห้หลีเฉินหยุดลง เขาเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็มองหน้าเย้นหว่านด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
แล้วเขาก็พูดว่า “หยูซือห้านสงสัยว่าฉันคือกู้ซึง แล้วก็เอาแต่ปล่อยข่าวลือที่ตระกูลเย้นไม่หยุด แล้วก็ส่งข่าวมาที่ตระกูลหยู คนในตระกูลหยูสงสัย แล้วก็รีบเรียกฉันอย่างเร่งด่วน
ถ้าเกิดว่าฉันไม่ปรากฏตัว ก็จะทำให้เกิดปัญหาและความสงสัยเป็นอย่างมาก ดังนั้น ฉันก็เลยกลับไปที่ตระกูลหยู”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
กู้ซึงอยู่ที่บ้านตระกูลเย้น โห้หลีเฉินก็ปรากฏตัวที่ตระกูลหยู เพราะฉะนั้นข่าวลือที่ว่าโห้หลีเฉินก็คือกู้ซึงนั้น ก็พังไป
เย้นหว่านรู้สึกวางใจ แบบนี้โห้หลีเฉินก็ไม่ต้องมีความกังวลที่เกี่ยวกับครอบครัวอีกแล้ว
เธอมองหน้าเขาด้วยแววตาที่เป็นประกาย “ถ้ายังงั้นที่ตระกูลหยู เริ่มสงบแล้วใช่ไหม? ”
“เกือบแล้วล่ะ”
โห้หลีเฉินยังไม่หยุด เขาเช็ดเศษที่อยู่บนแผลของเย้นหว่าน แล้วก็รอยเลือดออกจนหมด
โชคดีที่แผลไม่ได้ร้ายแรงเท่าไหร่ ไม่ต้องทายาโดยทันทีก็ได้
เย้นหว่านพูดว่า “ถ้ายังงั้นนายยังต้องกลับไปตระกูลหยูอีกไหม? ”
“อีกไม่กี่วัน ก็จำเป็นต้องกลับไป จัดการเรื่องอะไรบางอย่าง”
พอโห้หลีเฉินพูดจบ ก็เห็นแสงวิบวับในแววตาของเย้นหว่านนั้นพังทลายลงทันที
เขาลูบใบหน้าเล็กๆ ของเธออย่างปวดใจ “ฉันรับรองว่าฉันจะกลับมาอย่างเร็ว”
ใครจะไปรู้ว่าเย้นหว่านทนไม่ได้ที่จะให้เขาไปแม้แต่วันเดียวด้วยซ้ำ
เธอจับเสื้อของเขาแน่น แล้วก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
โห้หลีเฉินเห็นท่าทางที่เศร้าหมองของเธอ ก็รู้สึกใจอ่อน
เขายิ้มแล้วพูดว่า “ทำไม ไม่อยากอยู่ห่างจากฉันเหรอ? ”
เย้นหว่านทำปากมุ่ย มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วสิ
การแยกกันในหลายวันนี้ ความปั่นป่วน ทำให้เธอเหมือนมดที่อยู่บนหม้อไฟ วันหนึ่งมี24ชั่วโมง เธอคิดถึงเขาไปแล้ว25ชั่วโมง
เธอดึงแขนเสื้อของเขา หน้าแดง แล้วก็พยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
“ฉันคิดถึงนาย”
เสียงนุ่มนวล เหมือนกับขนนก สะกิดเบาๆ ที่หัวใจของผู้ชายคนนี้
โห้หลีเฉินมองเธอ ดวงตาของเขามืดมนลงทันที
เขาโอบเอวของเธอไว้ แล้วก็ดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน พร้อมกับก้มหน้าลง พูดกับเธอทีละคำด้วยระยะห่างที่ใกล้มาก
“เย้นหว่าน ฉันเองก็คิดถึงเธอเหมือนกัน”
พอพูดจบ ริมฝีปากเขาก็ประทับลงมาที่ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอ
จูบของเขานั้นเบาบางมาก แต่มันเหมือนเป็นประกายไฟที่ตกลงบนผืนหญ้าในทันที จุดไฟให้กับหญ้าผืนนี้
ทั้งสองคนคิดถึงกันจนเข้ากระดูก กอดอีกฝ่ายไว้แน่น แล้วก็จูบอีกฝ่าย
แทบอดไม่ไหวที่จะหล่อหลอมอีกฝ่ายในอ้อมแขนของตัวเอง
จูบ มันร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถเก็บได้
เย้นหว่านกอดเอวของโห้หลีเฉินไว้ กอดแน่นมาก โห้หลีเฉินก็ขมวดคิ้วแน่น
เย้นหว่านอึ้งไป “ทำไมหลังนายเปียกล่ะ? ”
“มันร้อน เลยเหงื่อออกน่ะ”
โห้หลีเฉินตอบแบบส่งๆ ไป จากนั้นเขาก็จูบที่ริมฝีปากของเย้นหว่านอย่างรุนแรง จูบนั้นดุเดือดแล้วก็เหมือนนักล่า
แม้แต่อากาศ ก็ยังอุณหภูมิเพิ่มขึ้น
ภายใต้ทักษะการจูบที่ยอดเยี่ยมของเขา เย้นหว่านไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเลย เหมือนเรือที่ล่องไปในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ ทำได้แค่กลิ้งขึ้นลงไปตามคลื่นเท่านั้น
ลมหายใจของทั้งสองคนเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าอากาศจะแผดเผาไปด้วย
ความคิดถึงที่ยาวนานถูกนำมาสู่การปฏิบัติ
เขาต้องการจะครอบครองเธอ
เขาต้องการจะกอดเธอ
แต่ว่าคำพูดนี้ก็ไม่ได้เหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร เธอก็เลยพยักหน้าเบาๆ
“ใช่ไง ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีโอกาสได้อยู่กันสองต่อสอง เดินเล่นในป่าเพียงลำพัง พวกเขาต้องอยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้หน่อยอย่างแน่นอน”
“พวกเขามีโอกาสได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ทำไมไม่อยู่ด้วยกันล่ะ? วันๆ เอาแต่เล่นกับเธอ จนถึงตอนนี้ ถึงอยากจะอยู่ด้วยกันสองต่อสองงั้นเหรอ? ”
เสียงที่ทุ้มต่ำของเย้นโม่หลิน ไม่ได้ซ่อนความสงสัยไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
ตั้งแต่ตอนที่หยูซือห้านเปิดโปงตัวตนของกู้ซึงนั้น เขาก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเย้นหว่านกับกู้ซึงนั้นมันแปลกๆ แต่สุดท้ายก็พูดไม่ได้ว่ามันเพราะอะไรกันแน่
แต่ว่าประโยคของกู้จื่อเฟยเมื่อกี้นี้ กลับเหมือนเป็นการปลุกเขา
หลายวันมานี้ เย้นหว่านกับกู้ซึงก็ยังคงเล่นด้วยกันตามปกติ แต่ว่ามันไม่เหมือนเดิม พวกเขาจะออกไปข้างนอกหรือว่าไปเดินเล่น ก็จะเรียกกู้จื่อเฟยไปด้วย
แม้แต่การดื่มชายามบ่ายในสวนเล็กก็ไม่มีข้อยกเว้น
แต่ว่าก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเย้นหว่านกับกู้ซึงจะชอบอยู่ด้วยกันเพียงลำพังอยู่บ่อยๆ
กู้จื่อเฟยหน้าซีดทันที กะพริบตาเบาๆ ไม่คิดเลยว่าเย้นโม่หลินจะถามคำถามที่เฉียบคมแบบนี้
เธออธิบายอย่างไม่มั่นใจ “นั่นก็เพราะว่า หลายวันมานี้ละครที่ฉันดูมันจบแล้ว ฉันรู้สึกเบื่อ ก็เลยวนเวียนให้เสี่ยวหว่านเล่นเป็นเพื่อนฉัน”
เย้นโม่หลินพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “ละครเรื่องใหม่ของDISพึ่งจะฉายตอนใหม่เป็นตอนที่ยอดเยี่ยมที่สุดไป”
DISก็คือนักแสดงชายที่กู้จื่อเฟยชอบมากที่สุด ละครทุกเรื่องที่เขาเล่นนั้น กู้จื่อเฟยต้องดูอย่างแน่นอน แล้วอีกอย่าง ดูแบบไม่ออกไปไหนเลยด้วย
กู้จื่อเฟยอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจ มองหน้าเย้นโม่หลินอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“พี่รู้ได้ยังไงว่าฉันชอบDIS?”
เย้นโม่หลินมีสีหน้าไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าที่เฉยเมยอย่างรวดเร็ว
เขาสะบัดมือที่กู้จื่อเฟยจับเขาไว้ออก ทันใดนั้นก็ก้มตัวลง แล้วก็บีบคางของเธอ
น้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยอันตราย “กู้จื่อเฟย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวหว่าน ฉันสนใจทุกอย่างแหละ เธอโกหกหรือไม่ ฉันก็รู้อย่างชัดเจนเหมือนกัน
ดังนั้น ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย บอกความจริงฉันมา”
น้ำเสียงที่เยือกเย็น เปิดโปงเรื่องที่กู้จื่อเฟยบอกว่าเบื่อโดยที่ไม่ปิดบังเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...