บทที่536 โห้หลีเฉิน!
“ฉันรู้เอง แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอธิบายให้แกฟังด้วย”
เย้นโม่หลินสีหน้าเย็นชา แล้วก็เดินเข้าไปใกล้กู้ซึงขึ้นเรื่อยๆ
กู้ซึงยืนตัวตรง มองเย้นโม่หลินด้วยสายตาเฉียบแหลม “ไม่มีทางที่เย้นหว่านจะไปเที่ยวกับกู้ซึงส่วนตัวอย่างแน่นอน”
เขาพูดทีละคำอย่างเด็ดขาด
“ฉันเห็นเองกับตา จะไม่จริงได้ยังไง? ”
แล้วอีกอย่าง เย้นหว่านไม่มีทางหลอกเขาหรอก
เย้นโม่หลินหัวเราะอย่างเย็นชา “แกนึกถึงตัวเองเถอะ ปลอมตัวมาเป็นกู้ซึง จะอธิบายยังไงนึกถึงจะดี”
กู้ซึงขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม เห็นเองกับตายังงั้นเหรอ?
เขาเพิกเฉยของความอันตรายของเย้นโม่หลินที่กำลังใกล้เข้ามา เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ถ้าเกิดว่าคุณรู้ตัวตนจริงๆ ของผม คุณยังจะแน่ใจอย่างนั้นหรือ? ”
ในน้ำเสียงนั้น เป็นการตั้งคำถามโดยสมบูรณ์
ความมั่นใจในตัวเอง ทำให้คนรู้สึกหวั่นไหว
หัวใจของเย้นโม่หลินเต้นเล็กน้อย เขาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่แล้ว
เขาถามออกมาทีละคำ “แกเป็นใคร? ”
ทักษะที่ยอดเยี่ยม ทรงพลัง แม้จะโดนคนเป็นกลุ่มยืดล้อมไว้แบบนี้ ก็ไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ก็มองออกว่า สิ่งสำคัญที่เขาสนใจนั้น ก็คือเย้นหว่าน
เขาคือใคร?
กู้ซึงมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่มืดมน หลังจากนั้น ก็เอานิ้วไปวางที่ด้านหลังหู
“ในเมื่อถูกจับได้แล้ว งั้นผมจะบอกนายว่าผมคือใคร ไม่เป็นไรหรอก”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เขาก็ออกแรงที่นิ้ว แล้วเสียง “แคว่ก”ก็ดังขึ้น ชั้นผิวหนังหนึ่งชั้นแตกออกมาจากทางด้านหลังหูของเขาจริงๆ
มันเหมือนกับเล่นมายากลยังไงยังงั้น พอผิวชั้นบางๆ ถูกลอกออก ก็เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของคนคนหนึ่งที่ทำให้คนอื่นหายใจไม่ออก
และก็เป็นใบหน้าที่เย้นโม่หลินคุ้นเคย
“โห้หลีเฉิน!”
เย้นโม่หลินกัดฟันแล้วก็บีบแต่ละคำออกมาจากปากของเขา!
เขาประหลาดใจเพราะว่าคนที่เสแสร้งเป็นกู้ซึงนั้นก็คือโห้หลีเฉินจริงๆ แต่เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ควรจะเป็นเรื่องที่ได้คาดการณ์ไว้แล้ว
บอดี้การ์ดรอบๆ ก็ตาโตเช่นกัน มองโห้หลีเฉินอย่างประหลาดใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาได้เทคนิคการปลอมตัวระดับโลกมาแล้ว แต่ว่าโห้หลีเฉินใช้เพียงแค่หน้ากากบางๆ เท่านั้น การปลอมตัวที่ไร้ที่ติเช่นนี้ พวกเขาพึ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
ในขณะที่รู้สึกสะเทือนใจอยู่นั้น ก็รู้สึกช็อกไปด้วย กู้ซึงก็คือโห้หลีเฉินปลอมตัวมาจริงๆ ด้วย
นั่นมันก็หมายความว่า ข่าวลือก่อนหน้านี้ในตระกูลเย้นที่บอกว่ากู้ซึงก็คือโห้หลีเฉินนั้น ที่จริงแล้วมันคือความจริง?!
แม้ว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยและถูกปิดล้อม แต่โห้หลีเฉินก็ยังคงมีใบหน้าที่สงบราวกับว่ายืนอยู่ในสนามของตัวเอง
เขามองเย้นโม่หลินแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
“ผมเอง คาดว่าคุณชายเย้นมีหลายเรื่องที่อยากจะถามผมใช่ไหม? ไม่งั้น ทำไมพวกเราไม่ไปคุยกันที่คุกใต้ดินของคุณล่ะ”
เย้นโม่หลินแข็งทื่อ
เคยเห็นคนที่มาส่งตัวเองถึงหน้าประตู แต่ยังไม่เคยเห็นใครที่มาส่งตัวเองถึงคุกใต้ดินมาก่อน
โห้หลีเฉินกำลังวางแผนอะไรอยู่?
ความคิดของเย้นโม่หลินก็เหมือนไฟฟ้า ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่คิดว่าจะปล่อยโห้หลีเฉินไปหรอก
ครั้งที่แล้วที่ไล่โห้หลีเฉินออกไปจากที่นี่ เขาก็ออกคำสั่งตาย ว่าไม่ให้โห้หลีเฉินปรากฏตัวที่แผ่นดินนี้อีก ไม่ยังงั้นเขาจะไม่เกรงใจ
แต่ในเมื่อเขาเอาตัวเองมาถึงนี่ เขาก็จะไม่ผ่อนปรนหรอกนะ
“จับมันมา พาไปคุกใต้ดิน! ”
“……ครับ”
หลังจากผ่านไปสองวินาที พวกบอดี้การ์ดถึงตั้งสติกลับมาได้
พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นคนที่ติดตามเย้นโม่หลิน ครั้งที่แล้วตอนที่เผชิญหน้ากับโห้หลีเฉินนั้น ก็เคยเห็นความแข็งแกร่งของโห้หลีเฉินมาเองกับตา นั่นคือชายผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถแข่งขันกับนายน้อยของเขาได้ด้วยตัวเขาเอง
ตอนนี้มาปรากฏตัวในเขตอิทธิพลของพวกเขา แต่ก็ไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
พวกเขานั้น ก็รู้สึกไม่ค่อยอยากจะไปหยาบคาย รุกรานเขามากเท่าไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...