บทที่ 588 กลีบกุหลาบอันแสนโรแมนติก
หลังจากนั้นก็เอื้อมมือไปจับคางของหยูซือห้าน ขยับปากของเขาเปิดออก แล้วเทของเหลวในขวดเข้าปากของเขา
หยูซือห้านดูเหมือนจะยังมีสติอยู่บ้าง ตั้งใจจะตายอย่างเดียว ต่อต้านโดยอาเจียนออกมา
การเคลื่อนไหวเล็กน้อยแต่กลับทำให้ป่ายฉีโมโหมาก จับคางเขายกขึ้นสูงแล้วบีบมันแน่น
ป่านฉีด่าอย่างหงุดหงิด “ให้แกกินของล้ำค่าขนาดนี้ แกยังไม่รู้ค่า จะบอกอะไรแกให้นะ รอแกตายแล้ว ศพของแกฉันจะแหวกออกแล้ววิจัยด้วยตัวเอง”
ศึกษายารักษาชีวิตไม่ได้ ศึกษาคนที่ใช้ยารักษาชีวิตก็ได้
ไม่แน่ว่าอาจจะได้ประโยชน์อะไรนิดหน่อย
ได้ยินอย่างนั้นแล้วหยูซือห้านก็ยิ่งต่อต้านหนักกว่าเดิม ถึงขนาดที่ว่าดวงตาที่ปิดอยู่เปิดขึ้นทันที
ดวงตาของเขาเส้นเลือดขึ้นเต็มไปหมด มันแดงจนน่ากลัว จ้องป่ายฉีเขม็งอย่างโกรธจัด ดุร้ายเหมือนจะอยากให้ม้าห้าตัวแยกร่างป่ายฉี
“สมกับเป็นของล้ำค่าของตระกูลเย้น แค่ไม่กี่วินาทีก็เริ่มทำงานแล้ว”
ก่อนหน้านี้หยูซือห้านได้แต่หอบหายใจ
ตอนนี้สามารถลืมตาจ้องเขม็งได้แล้ว
เย้นหว่านอดประหลาดใจไม่ได้ ผลของยามันน่าอัศจรรย์มาก ประสิทธิภาพสูงยิ่ง
และสิ่งที่ยิ่งน่าตกใจอีกอย่างก็คือ เย้นหว่านไม่รู้ว่าตัวเองเกิดภาพลวงตาหรือเปล่า เพราะราวกับเห็นว่า เหล่ารอยแผลสาหัสเลือดท่วมบนตัวหยูซือห้านเหมือนจะเริ่มเป็นแผลเป็นแล้ว
มันน่าเหลือเชื่อขนาดนี้เลยเหรอ
เมื่อหยูซือห้านได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกว่าสภาพร่างกายตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายเขาราวถูกฟ้าฟาด ฉับพลันก็กลายเป็นมะเขือม่วงที่ถูกตีด้วยน้ำค้างแข็ง
มันยากที่เขาจะฉวยโอกาสตอนการรักษาความปลอดภัยหละหลวม ใช้วิธีรุนแรงที่สุดโดยการฆ่าตัวตาย
เดิมทีมันก็สำเร็จแล้ว...
แต่ไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้จะถูกช่วยกลับมา แม้แต่โอกาสที่จะตายเขาก็ไม่มี
สิ้นหวัง
ทั้งโลกมืดมิด
ตายดีกว่าอยู่
ป่ายฉียังคงนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ หยูซือห้าน สายตาดุดันจ้องมองเขาหัวจดเท้า
เขาพูดโดยไม่เงยหน้า “เสี่ยวหว่าน หยูซือห้านไม่ตายแล้ว เธอกลับไปก่อนได้แล้ว”
ไม่ตายแล้ว เหตุการณ์ได้รับการแก้ไขแล้ว
เธอจะได้กลับไปดูแลโห้หลีเฉิน
แม้ว่าจะยังคงข้องใจว่าเรื่องสภาพร่างกายที่ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติหลังจากที่หยูซือห้านใช้ยาไปแล้วว่าจะน่าเหลือเชื่อขนาดไหน แต่เมื่อคิดถึงโห้หลีเฉิน เธอจึงอดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้
หลายวันที่ผ่านมาเธอคอยเฝ้าโห้หลีเฉินอย่างใกล้ชิด แต่จู่ๆ ก็จากมานาน จึงไม่สบายใจอย่างมาก
เย้นหว่านลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “โอเคค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ ถ้ามีเรื่องอะไร มาหาฉันได้เลยค่ะ”
บอดี้การ์ดพูดขึ้นทันที “คุณหนู รบกวนคุณแล้วครับ”
“ควรเป็นอย่างนั้นแล้วค่ะ”
เย้นหว่านพูดอย่างสุภาพ ก่อนจะหันหลังเดินไป
ยังไม่ได้เดินออกประตูไป ก็ได้ยินเสียงป่ายฉีสั่งบอดี้การ์ดว่า
“ต่อไปฉันจะจัดการหยูซือห้านเอง ฉันจะวิจัยเขาให้ดีเสียหน่อย”
บอดี้การ์ดค่อนข้างลำบากใจ “งั้นเรื่องบังคับให้สารภาพ”
“ฉันเอง!”
เสียงของป่ายฉีเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เมื่อใช้ยารักษาชีวิตไปแล้ว ร่างกายเขาจะฟื้นตัวเร็วมากในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งมันทำให้ฉันเจ็บปวดอย่างไม่มีสิ้นสุด มาลองดูหันว่าขีดจำกัดของยามันจะถึงขั้นไหน
ฮ่าฮ่า การใช้ยาที่มีค่ามากขนาดนี้ ไม่สามารถให้มันสูญเปล่าได้”
เพราะฉะนั้น เท่ากับว่าหยูซือห้านเป็นหนูตะเภา
เย้นหว่านที่ได้ยินพลันรู้สึกเย็นสันหลังวาบ เริ่มรู้สึกเห็นใจหยูซือห้านขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากเย้นหว่านออกไป ก็ตรงกลับไปยังวิลล่าที่โห้หลีเฉินอยู่ทันที
ภายนอก ยังมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าอยู่อย่างเคร่งครัด
เธอเดินเข้าวิลล่าไปอย่างรวดเร็ว เดินไปตามทางเดินจนถึงห้องของโห้หลีเฉิน
แต่เพิ่งเดินเข้าห้อง เธอกลับต้องตกใจจนชะงัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...