ไม่รู้ร้องไห้ไปนานเท่าไหร่ กู้จื่อเฟยร้องจนเสียงแหบเสียงแห้ง สะอึกสะอื้นจนแทบจะหยุดลงมาไม่ได้
เย้นโม่หลินดูจนขมวดคิ้วแน่น รีบยื่นมือตบหลังเธอเบาๆ ปรับการไหลเวียนลมปราณให้เธอ
ฝ่ามือใหญ่ของเขาหล่นอยู่ที่แผ่นหลังเธอเบาๆ และคอยลูบหลังเธอทีแล้วทีเล่า
กู้จื่อเฟยที่ร้องไห้ฟูมฟายรู้สึกได้ถึงท่าทางของเขา ได้ตัวแข็งทื่อทันที แม้แต่ร้องไห้ก็ได้หยุดลงมา
เย้นโม่หลินกำลังทำอะไรอยู่?
เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยสายตาพร่ามัว ก็ตะลึงงันเห็นเย้นโม่หลินที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ยื่นมือคอยลูบหลังให้เธอ ทั้งสองใกล้ชิดกันมาก เขากำลังก้มหน้ามองเธออยู่ พอกู้จื่อเฟยเงยหน้าปุ๊บ จมูกเกือบชนกับหน้าของเย้นโม่หลิน
และในระยะที่ใกล้ชิดสุดๆ สบตาด้วยกัน เหมือนหัวใจถูกอะไรพุ่งชนยังไงอย่างงั้น
พริบตาเดียวหัวใจก็เต้นแรงขึ้น
พริบตาเดียวสายตาของเย้นโม่หลินก็เปลี่ยนมามืดมน ในใจมีความรู้สึกแปลกๆโผล่ขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เสี้ยววินาทีนั้น เขาแทบจะมีความวู่วามอย่างหนึ่งที่อยากจะกอดกู้จื่อเฟยไว้....
หัวใจกู้จื่อเฟยเต้นแรง หลังจากเหม่อลอยไปชั่วครู่ เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตยังไงอย่างงั้น ได้ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างลนลาน
เว้นระยะห่างที่เพียงพอกับเขา
แววตาของเธอระยิบระยับอย่างห้ามไม่อยู่ ใช้เสียงแหบแห้งพูด “ขอ...ขอโทษค่ะ”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วแน่น
คนที่เศร้าโศกเสียใจร้องไห้ฟูมฟายคือเธอ ทำไมเธอต้องกล่าวขอโทษด้วย
เธอผิดต่อเขาตรงไหน?
เย้นโม่หลินมองหน้ากู้จื่อเฟยแล้วหงุดหงิดสับสนมาก
มองหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์ของเย้นโม่หลิน อารมณ์ของกู้จื่อเฟยยิ่งตกต่ำและอึดอัดเข้าไปใหญ่
เมื่อครู่เธอร้องไห้ฟูมฟาย ได้แหย่ให้เขาเกลียดอีกแล้วจริงๆด้วย
เธอกุมนิ้วมืออย่างไม่รู้ตัว ยืนอย่างไม่สบายใจ ลังเลไปพักหนึ่ง ดูเหมือนถึงรวบรวมความกล้าและถามหยั่งเชิง “รบกวน.....รบกวนพี่พาฉันไปดูเสี่ยวหว่านหน่อยได้มั้ยคะ?”
น้ำเสียงที่ระมัดระวังนั้น เมื่อก่อนไม่เคยปรากฏอยู่ที่บนตัวกู้จื่อเฟยที่พูดจาเสียงดังมาก่อน
ทันใดนั้นกู้จื่อเฟยยิ่งรู้สึกไม่สบายใจขึ้นไปอีก ราวกับมีก้อนหินทับในอกอยู่ยังไงอย่างงั้น เขาไม่ชินกับหน้าตาที่ระมัดระวังของเธอมากเลย
สีหน้าของเย้นโม่หลินดูมืดมน อึมครึมเหมือนพายุฝนฟ้าคะนอง อารมณ์ไม่ดีเอามากๆ
ในใจของกู้จื่อเฟยยิ่งอึดอัดและเศร้ารันทดเข้าไปใหญ่ หรือเธอจะพูดความต้องการที่มากเกินไป
วันนั้น ตอนที่อยู่ทะเล เย้นโม่หลินได้พูดชัดเจนแล้ว เขาไม่ชอบเธอเลยสักนิด ที่เขาใกล้ชิดและอดทนกับเธอเพราะเย้นหว่านเท่านั้น
ส่วนเย้นหว่านเกิดเรื่องเพราะเธอ ตอนนี้เขาได้เกลียดชังและเคียดแค้นเธอแล้ว
ถึงแม้ตอนนี้เย้นหว่านได้รอดชีวิตจากภัยพิบัติแล้ว แต่สุดท้าย เย้นโม่หลินก็ไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่ดี
วันนี้สามารถมาแจ้งข่าวที่เย้นหว่านยังมีชีวิตอยู่ให้เธอฟัง เกรงว่าคงจะมาอย่างอดทนกับความสะอิดสะเอียนมั้ง
กู้จื่อเฟยไม่สบายใจ แทบอยากจะไปจากที่นี่ทันที หามุมที่ไม่มีคนเอาตัวเองที่เหลือทนซ่อนเอาไว้
แต่เธอกลับคิดถึงเย้นหว่านเหลือเกิน อยากเห็นกับตาว่าเย้นหว่านปลอดภัยและแข็งแรงดีหรือเปล่าจริงๆ
ขอแค่เธอได้เห็นกับตาก็สบายใจแล้ว
กู้จื่อเฟยยืนตัวเกร็งอยู่กับที่ กำหมัดไว้แน่นและพูดเสียงต่ำ “งั้น.....งั้นพี่บอกที่อยู่ของเสี่ยวหว่านให้ฉันได้มั้ยคะ? ฉัน ฉันไปเองค่ะ”
พูดจบ เธอนึกอะไรขึ้นมาได้อีก จึงรีบพูดเสริมอีกคำ “ตอนที่พี่ไม่อยู่ ฉันค่อยไปหาเสี่ยวหว่านก็ได้ค่ะ”
เขาจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเธอแล้วรู้สึกรำคาญ
ได้ยินคำนี้ เดิมทีเย้นโม่หลินก็ขมวดคิ้วอยู่แล้ว ทีนี้ยิ่งขมวดคิ้วแน่นจนเหมือนคนแก่ที่มีอายุร้อยปีขึ้นไปอีก
นี่เธอคือระมัดระวังเกินกว่าเหตุ? หรือว่าไม่อยากอยู่กับเขา?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...