บทที่653 ไม่มีทางเลือกอื่น
ใบหน้าของเธอซีดเผือด ท่าทางตื่นกลัว สีหน้าเธอมีแต่ความตกใจและหวาดกลัว
เธอตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ขอ ขอโทษค่ะ หนูเองก็คิดไม่ถึงว่าเย้นหว่านจะเข้ามากะทันหันแบบนี้ ... “
ถ้าเธอรู้ เธอคงยอมเสี่ยงที่จะถูกโห้หลีเฉินบีบคอ ยอมพุ่งตัวเข้าห้องน้ำไปแล้ว
คงจะไม่ปล่อยให้โห้หลีเฉินควบคุมความต้องการตัวเองไม่ได้ แล้วออกมาหาเธอเองแบบนี้
แต่เธอคิดผิด ความอดทนของโห้หลีเฉินจะแข็งแกร่งมากถึงขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าเย้นหว่านจะตามมาจนถึงที่นี่
กงจืออวีท่าทางดุร้ายและจ้องเย้นโน่เหมือนอยากจะฆ่าเธอให้ตาย
ไม่ช่วยเหลืองาน แล้วยังทำให้การทำงานนั้นยากขึ้นไปอีก
เสียดายแผนที่เธอจัดเตรียมไว้ในคืนนี้จริงๆ แล้วตอนนี้ ...
กงจืออวีขมวดคิ้วแน่น แล้วมองไปทางประตูห้องน้ำด้วยความอารมณ์เสีย
เธอกัดฟันพูดออกมาอย่างลำบาก“ พวกเขาอยู่ในนั้นมานานแค่ไหนแล้ว”
สีหน้าของเย้นโน่แดงก่ำ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
ตั้งแต่เย้นหว่านเข้าไปจนถึงตอนนี้ เธอถูกแทงใจอย่างสมบูรณ์ แต่ละนาทีแต่ละวินาทีมันทรมานราวกับว่าผ่านไปหลายชาติหลายศตวรรษเลยก็ว่าได้
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้มันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
พอเห็นสีหน้าของเย้นโน่ กงจืออวีก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้น และในตอนนี้เอง บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นว่า
“เกือบสิบห้านาทีได้แล้วครับ”
ใบหน้าของกงจืออวียิ่งบึ้งตึงมากขึ้นไปอีก
ในเวลาสิบห้านาที ชายและหญิงสองคนอยู่ด้วยกัน อีกทั้งฝ่ายชายยังทนต่อยาจีนมานานกว่าสองชั่วโมง ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์
“ น่าตายนัก”
กงจืออวีเตะเก้าอี้อย่างโมโห
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ที่เหนือการควบคุมของเธอ
อีกทั้งยังต้องแลกด้วยลูกสาวสุดรัดสุดหวงของตัวเองอีก
เธอแทบอยากจะดึงโห้หลีเฉินออกมาและฆ่าเขาทิ้งซะเลย
แต่ว่า……
ถ้าตอนนี้เธอเข้าไป เย้นหว่านจะต้องเผชิญกับความอับอายมากแค่ไหนกัน กลัวว่ามันจะกลายเป็นปมในใจไปตลอดชีวิต
แต่จะให้รออยู่ข้างนอก แล้วให้ทั้งสองเสร็จธุระก่อนค่อยออกมาอย่างนั้นเหรอ
ทุกวินาทีมีทรมาน โมโหตนแทบอยากจะฆ่าคน
“ คุณนาย เรื่องมันเดินมาจนถึงขนาดนี้แล้ว คุณอย่าเข้าไปขัดขวางจะดีกว่านะครับ”
เสียงสุภาพของผู้ชายดังมาจากทางประตู
ป่ายฉียืนพิงกรอบประตู แล้วมองไปทางห้องน้ำอย่างมีเลศนัย
สถานการณ์ในตอนนี้ มันน่าวุ่นวายกว่าที่เขาคิดไว้
สายตาอันเฉียบคมของกงจืออวีมองไปที่ประตู “หมายความว่าไง”
ด้วยสติปัญญาของกงจืออวี เธอเข้าใจทันทีว่าคำพูดของป่ายฉี ไม่ได้หมายถึงเหตุการณ์ในตอนนี้
แม้ว่าเย้นหว่านและโห้หลีเฉินจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ แต่ถ้าเธอจะไม่เห็นด้วย เธอก็ยังสามารถขัดขวางมันได้
ขอแค่เธอไม่พยักหน้าเห็นด้วย ก็ถือว่ายังไม่มีข้อสรุป
แต่ป่ายฉีไม่ใช่คนที่พูดเล่นๆ ในเมื่อเขาบอกว่ามันเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว ทำให้กงจืออวีรู้สึกหวั่นใจเป็นอย่างมาก
ป่ายฉีเหลือบมองไปที่คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ในห้อง แล้วพูดเสียงราบเรียบ“ไม่มีอะไรให้พวกคุณทำแล้ว ออกไปจากที่นี่ซะ ส่วนเรื่องการลงโทษค่อยว่ากันทีหลัง”
คำพูดนี้ทำให้ทั้งสามคนยกเว้นกงจืออวีตัวสั่นกันไปหมด
เรื่องที่บอดี้การ์ดทั้งสองละเลยหน้าที่ หนีการถูกลงโทษไปไม่ได้อย่างแน่นอน เย้นโน่ทำงานไม่สำเร็จ แล้วยังส่งผลให้เรื่องราวเป็นแบบนี้ ยิ่งหนีไม่พ้น
ทั้งสามคนหน้าซีดเผือด แทบอยากจะหายตัวไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย
ความหมายของคำพูดป่ายฉียังหมายถึงการไล่ทุกคนออกไป และพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว กงจืออวีจึงโบกแขนไล่และพูดเสียงดุ“ถอยออกไป”
ทั้งสามไม่กล้าอยู่ในห้องอีก จึงรีบเดินออกไป
เย้นโน่เดินไปถึงที่ประตู ก่อนจะมองไปที่ทิศทางของห้องน้ำ แล้วก้มหน้าลงอย่างน่าสังเวช
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...