บทที่668 ให้จดหมายเธอหนึ่งฉบับ
เมื่อขึ้นรถไปแล้ว โห้หลีเฉินเองก็ตามขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองนั่งเคียงข้างกันที่เบาะหลัง
โห้หลีเฉินยื่นฝ่ามือใหญ่ออกไป ค่อยๆ กุมมือเล็กของเธอเอาไว้ในฝ่ามือ
เอ่ยอย่างอบอุ่น “ไม่ว่าที่ไหน ฉันก็จะอยู่ข้างเธอเสมอ”
ฝ่ามือของเขาใหญ่มาก และอุ่นมาก พาเอาคลื่นความร้อนนั้นไหลเข้าสู่หัวใจของเธอ
เย้นหว่านหันไปมองเขา ยิ้มพลางพยักหน้า
ใช่แล้ว มีเขาอยู่ เธอก็อุ่นใจ
ในกลุ่มมีรถดัดแปลงอยู่หกคัน ในรถทุกคันมีสี่ที่นั่ง มีสองแถวหน้าหลังเหมือนรถทั่วไป
แต่เพลารถจะสูงกว่ารถอฟฟโรดทั่วไปเล็กน้อย ยางมีขนาดใหญ่และหนัก ตัวรถเองก็กว้างและหนาหนัก
หากดูภายนอกจะมองการปรับเปลี่ยนอย่างอื่นไม่ออก แต่ว่ากันว่า เพื่อรับมือกับทางหิมะที่ยากลำบาก รถเหล่านี้ล้วนเป็นรถหรูชั้นนำที่ได้รับการปรับแต่ง แทบจะประกอบใหม่เลยทีเดียว
ซึ่งใช้ค่าใช้จ่ายสูงเสียดฟ้า
เย้นหว่านและโห้หลีเฉินนั่งรถคันหนึ่ง เย้นโม่หลินและป่ายฉีนั่งรถอีกคัน
พวกเขาแยกกันนั่งอยู่ตรงกลาง หน้าหลังแต่ละคันมีรถสองคันเปิดทางและอารักขา
หลังจากรอเย้นหว่านและโห้หลีเฉินขึ้นรถแล้ว เย้นโม่หลินก็หันมองตรวจสอบรถอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วจึงเตรียมออกเดินทางอย่างวางใจ
เดินมาถึงข้างรถ สายตาของเขากลับมองไปยังกู้จื่อเฟยที่ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกลอย่างอดไม่ได้
ดวงตาของเธอแดงก่ำ ท่วมท้นด้วยความอาวรณ์และเศร้าสร้อย
ต้องบอกว่า ความสัมพันธ์ของเธอกับเย้นหว่าน เป็นเพื่อนซี้ปึ้กที่ใช้ใจแลกใจกันจริงๆ
แต่ท่าทีนั้นของเธอ ทำให้เขาเห็นแล้วไม่ค่อยสบายใจ กระทั่งคิดอยากจะเดินเข้าไปกอดเธอ ให้เธออย่าเสียใจไปเลย
ทว่า เขาเพียงแค่ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น โดยไม่ขยับเขยื้อน
ระหว่างเขาและกู้จื่อเฟย ไม่ควรจะมีปฏิสัมพันธ์แบบนั้นต่อกัน แม้จะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้มีอารมณ์ชั่ววูบไร้สาระแบบนั้นขึ้นมา
อาจเป็นได้ว่า ช่วงนี้ดูเย้นหว่านและโห้หลีเฉินโชว์หวานกันมากไป ถึงได้เพ้อเจ้อขึ้นมานิดหน่อยสินะ
เย้นโม่หลินละทิ้งความคิดในใจพวกนั้น สายตาจ้องมองกู้จื่อเฟยอย่างลึกซึ้ง เขาเม้มปากไม่พูดอะไร ก่อนหันตัวขึ้นรถไป
การกระทำโปร่งใสชัดเจน มองดูแล้วแทบจะไร้ความรู้สึก
ดวงตาแดงก่ำของกู้จื่อเฟยมองจดจ่ออยู่กับคันรถของเย้นหว่าน แต่กลับไม่มีใครรู้ ว่าชั่วขณะที่เย้นโม่หลินขึ้นรถและปิดประตู น้ำตาของเธอ อยู่ๆ ก็ร่วงลงมาจากหางตา
ราวกับแนวป้องกันสุดท้าย ได้แตกสลายไปโดยสมบูรณ์
เธอเอามือปิดหน้าแล้วหันไปทันที ก่อนเดินไปอีกทางอย่างรีบร้อน
เดิมทีอยากจะมองส่งพวกเขาจากไป แต่ดูเหมือนว่าเธอจะทำไม่ได้เสียแล้ว
เธอสะบักสะบอมจนไม่อาจทานทนน้ำตาที่หลั่งไหล
เธอไม่อาจปล่อยวาง สิ่งที่เห็นนั้นคือความเด็ดเดี่ยวเย็นชาของเย้นโม่หลิน เช่นเดียวกับครั้งแรกที่ได้เจอ แต่ไหนแต่ไรในดวงตาของเขาไม่เคยมีเธออยู่เลย
เสมอต้นเสมอปลาย พบกันเป็นครั้งสุดท้าย ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
วาดจุดจบสุดท้าย สำหรับความรักข้างเดียวที่หลงใหลและเพ้อเจ้อของเธอ
ในที่นั่งคนขับ ต้วนอานถือพวงมาลัยอยู่ มองแผ่นหลังของกู้จื่อเฟย แล้วทอดถอนใจด้วยเสียงที่ไม่ดังไม่เบา
“น่าเสียดาย ผู้หญิงดีๆ คนนึงนะ บุปผาร่วงหล่นมีใจ สายธารหลั่งไหลกลับไร้รัก”
เย้นโม่หลินที่เพิ่งนั่งลง “....”
พูดอะไรเลอะเทอะ เวลาอะไรยังจะทำพูดดีอีกรึไง?
แล้วจึงไม่สนใจ
ต้วนอานยังทอดถอนใจต่อไป “แต่ก็ยังดี คุณหนูกู้กลับเมืองหนานแล้ว ก็สามารถเริ่มชีวิตใหม่ได้อีกครั้งแล้ว ไปเที่ยวกลางคืน มีผู้ชายรูปงามกอดซ้ายควงขวา แล้วค่อยแต่งกับผู้ชายหล่อรวยสักคน คงจะมีความสุขหวานชื่อไปตลอดชีวิต”พิเศษ
สีหน้าของเย้นโม่หลินดำทะมึนขึ้นมาทันที จับจ้องไปที่ต้วนอานอย่างดุร้าย
“คำพูดไร้สาระเยอะจังนะ? นายอยากโดนถีบตกใช่มั้ย?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...