บทที่670 บริการให้เธอ
ฝ่ามือของโห้หลีเฉินวางลงบนบ่าของเย้นหว่าน จับเธอออกมาจากริมหน้าต่าง มากอดไว้ในอ้อมแขน
เขาพูดด้วยเสียงต่ำ “รอสักครู่ลงจากรถแล้วค่อยดูอีก ยังง่วงหรือเปล่า พักอีกสักหน่อยมั้ย?”
ในอ้อมแขนของเขาอบอุ่นมาก เป็นที่ที่เธอไม่อยากจะจากไป
แต่ในตอนนี้ เย้นหว่านกลับอยากดูหิมะมากกว่านิดหน่อย
เธอส่ายหน้า “ไม่ง่วงแล้วหล่ะ”
พูดไป สายตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะลอยไปด้านนอก ยังอยากดูหิมะที่ริมกระจก
วิวทิวทัศน์ที่หายาก เธออยากมองเยอะๆ
ทว่าเธอยังไม่ทันได้ออกจากอ้อมแขนของโห้หลีเฉิน โห้หลีเฉินก็ก้มหน้าลงมา วางคางลงบนไหล่ของเธอ
น้ำเสียงของเขาต่ำและอ่อนโยน “งั้นฉันของีบสักพัก เธอกอดฉันไว้มั้ย?”
เป็นคำถาม
ก็เป็นประโยคที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
เธอนอนพิงโห้หลีเฉินและหลับมาตลอดทางแล้ว ตอนนี้เขาอยากพักผ่อน เธอก็จะให้เขาพิงบ้าง เป็นหน้าที่ที่ปฏิเสธไม่ได้เป็นอันขาด
แม้ว่าเย้นหว่านจะอยากดูวิวหิมะอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ลังเลเลยสักนิด สองมือกอดโห้หลีเฉินเอาไว้ ยิ้มแล้วตบหลังเขาเบาๆ
“หลับเถอะ”
โห้หลีเฉินพิงเย้นหว่าน มุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้นอย่างพอใจ
ช่างเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่ทั้งน่ารักและเชื่อฟังจริงๆ
ความจริงแล้วเขาไม่ได้ง่วง เพียงแต่ไม่ต้องการให้เย้นหว่านมองไปด้านนอกอีก
ถนนสายนี้ยังดีหน่อย ไม่ค่อยชันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้กำลังขึ้นบนทางลาดชันแล้ว เส้นทางข้างหน้าทั้งแคบทั้งเต็มไปด้วยหิมะ ด้านข้างก็ยิ่งชันขึ้นเรื่อยๆ มองไปยังนอกหน้าต่างก็ไม่เห็นก้นหน้าผา
เย้นหว่านเห็นแล้วอาจตกใจได้
เธอนอนอยู่ในที่นี่แบบนี้ หลับอย่างสะลึมสะลือไปไม่กี่วัน ตื่นมาก็ถึงที่หมายแล้ว
อันตรายทั้งหมด ไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับเธอ
ทางถนนบนภูเขานั้นขรุขระ เย้นหว่านที่กอดโห้หลีเฉินไว้ ก็ต้องนั่งให้ตรง มือก็ต้องจับที่นั่งด้านหน้า เพื่อรักษาความสมดุลของร่างกายไว้
ความคิดทั้งหมดของเธอจดจ่ออยู่กับเรื่องนี้ เพื่อให้โห้หลีเฉินพิงได้ง่ายยิ่งขึ้น และหลับสบายยิ่งขึ้น เธอแทบจะไม่มีแรงที่จะชมวิวทิวทัศน์ด้านนอกอีกแล้ว
โงนเงนอยู่แบบนี้ไม่รู้นานเท่าไหร่ ในที่สุดขบวนรถก็หยุดลง
ดวงตาที่กำลังปิดอยู่ของโห้หลีเฉินเปิดขึ้นมา มีแสงสว่างชัดเจนอยู่ภายใน ราวกับไม่มีความมึนงงจากการตื่นนอน
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่เขาหลับจริงๆ หรือเพียงแค่หลับตาเท่านั้น
“คุณผู้ชาย เสื้อผ้าส่งมาแล้วครับ”
เว่ยชีหันไปด้านหลังแล้วพูด
โห้หลีเฉินพยักหน้า “วางเสื้อผ้าไว้ พวกนายออกไปก่อน”
“ครับ คุณผู้ชาย”
เว่ยชีพูดจบก็กดปุ่มปุ่มหนึ่ง จากนั้นที่นั่งทั้งหน้าและหลังก็ลดแผงกั้นสีดำลงทันที บังกระจกหน้าหลังไว้แน่นหนา
จากนั้น ด้านหน้าก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น เว่ยชีและบอดี้การ์ดลงจากรถไป และนำถุงเสื้อผ้าใหญ่สองถุงเข้ามาวางไว้ และปิดประตูเบาๆ อีกครั้ง
จากนั้น โห้หลีเฉินก็ยื่นมือไปกดล็อกประตู แผงกั้นสีดำก็ยกขึ้นอีกครั้ง กระจกรอบๆ ก็เปลี่ยนสีทันที ครอบคลุมไปด้วยชั้นสีเทาดำมันวาว
แสงในห้องโดยสารรถหรี่ลงเล็กน้อย เหลือเพียงแค่โห้หลีเฉินและเย้นหว่าน
โห้หลีเฉินยื่นมือไปหยิบหนึ่งในถุงใหญ่นั้นมา เปิดถุงพลางพูด
“นี่คือเสื้อผ้าของเธอ เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยลงไป”
เย้นหว่านรับเสื้อผ้ามาไว้ เสื้อผ้าทั้งชุดตั้งแต่ข้างในไปถึงข้างนอก ฮีทเทค สเวตเตอร์ เสื้อโค้ทตัวเล็กและชุดกันหนาว
ถ้าจะเปลี่ยน ที่ใส่อยู่ก็ต้องถอดออก
เย้นหว่านเขลานิดๆ เธอยังคงคิดว่าแค่ใส่เสื้อนอกก็พอแล้ว
เธอหยิบเสื้อผ้าและมองไปยังนอกหน้าต่าง เห็นเว่ยชีและบอดี้การ์ดต่างยืนอยู่รอบรถห่างไปสามถึงสี่เมตร และยืนหันหลังให้รถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...