"เฮ้"
เย้นหว่านนอนอยู่บนเตียงมองเพดานที่มีแสงสลัว แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังมาที่หูของเธอ “เป็นอะไรไป พรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว คุณไม่เต็มใจเหรอ”
โห้หลีเฉินสังเกตเห็นว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมาเย้นหว่านอารมณ์ไม่ดีมาก และไม่มีความสุขที่จะจากที่นี่ไปแม้แต่น้อย
เย้นหว่านกลัวว่า โห้หลีเฉินจะเข้าใจอะไรผิด ดังนั้นจึงรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
เธอเอื้อมมือไปกอดคอของเขา แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันแค่กังวลเรื่องฉู่ฉู่ เธอและเซอร์ยุนซีอาจจะชอบกัน แต่ทั้งสองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่อธิบาย
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ทั้งสองคนอาจจะพลาดโอกาสไป"
เมื่อเธอมองท่าทางเศร้าหมองของฉู่ฉู่ แล้วกลัวว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นบาดแผลสาหัสในหัวใจของหล่อนตลอดไป
คนทั้งสองจะทิ้งไว้ซึ่งความเสียใจในความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้ไปชั่วชีวิต
โห้หลีเฉินใช้นิ้วลูบผมของเย้นหว่าน ในความคิดของเขานั้นไม่สนใจเลยสักนิด
“จะพลาดหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องของพวกเขาเอง คุณอย่ากังวลไปเลย”
เขาไม่ชอบที่เธอห่วงใยผู้ชายคนอื่น อืม ผู้หญิงก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน
เมื่อเย้นหว่านถูกโห้หลีเฉินสงสัย ก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “ความรู้สึกเป็นเรื่องของคนสองคน ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว”
เธอแค่ไม่สบายใจ เพียงแค่กังวลเท่านั้น
“ถ้าทำอะไรไม่ได้ก็อย่าคิดอีกเลย มาคิดเรื่องระหว่างเราให้มากกว่านี้ดีกว่า”
“เรื่องอะไรระหว่างเรา?” เย้นหว่านสงสัย
ในแสงสลัวนั้น เธอกะพริบตา แล้วมองที่โห้หลีเฉิน
ก็มองเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มใกล้เข้ามาทันที จนปะทะกับลมหายใจเร่าร้อนดั่งไฟของเขา แล้วริมฝีปากนั้นก็จุมพิตเธอ
ในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือของเขาสอดเข้าไปในเสื้อผ้าของเธออย่างมุ่งมั่น
ทันใดนั้นร่างกายของเย้นหว่านก็ขึงแน่น พลางรู้สึกราวกับลูกไฟเล็ก ๆ กำลังลุกไหม้
เธอจับมือซุกซนของเขาอย่างตื่นตระหนก กว่าจะหาช่องว่าง และเปล่งเสียงอ่อนแรงออกมาว่า
"อย่า...อาการบาดเจ็บของคุณ...ยังไม่หายดี..."
"ทำเบา ๆ ก็ได้นี่"
สุ้มเสียงลุ่มลึกลุกเป็นไฟ
ราวกับเย้ยหวานจะถูกแผดเผา หัวใจของหญิงสาเต้นแรงเร่ง “แต่ แต่ว่า...”
“เย้นหว่าน ฉันคิดถึงคุณนะ”
เมื่อเสียงทุ้มลึกของโห้หลีเฉินหายไป เมื่อปากของเขาประทับลงกับริมฝีปากของเย้นหว่านอีกครั้ง
การจุมพิตครอบครองเอาแต่ใจนั้นลึกซึ้งรุนแรงจนทำให้ห้วงความคิดของเธอจางหายไป
เย้นหว่านไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด เมื่อทั้งสองก็อยู่ด้วยกันทุกวัน เขาจะยังคิดถึงเธอได้อย่างไร?
แน่นอนว่าโห้หลีเฉินทำอย่างที่บอกกับเธอจริง ๆ ...
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เย้นโม่หลิน ป่ายฉี และบอดี้การ์ดที่ติดตามมาทั้งหมดยืนอยู่ในสนามอย่างพร้อมที่จะออกเดินทาง
หลังจากนั้นไม่นาน โห้หลีเฉินก็พาเย้นหว่านออกมา
เย้นโม่หลินเหลือบมองโห้หลีเฉินอย่างไม่พอใจและสั่งว่า “เตรียมออกเดินทาง”
"ครับ"
บอดี้การ์ดตอบกลับอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และพวกเขาตรวจดูอีกครั้งว่าข้าวของที่นำมานั้นเพียงพอหรือไม่ แล้วเตรียมที่จะออกเดินทาง
เย้นหว่านมองดูสถานการณ์นี้ และรู้ว่าในที่สุดวันที่ต้องจากประเทศเบียนหนานได้มาถึงแล้ว
เวนเดลล์เดินมาด้านหน้า "คุณเย้น คุณหนูเย้น คุณโห้ คุณป่ายฉี พวกคุณเดินทางอย่างระมัดระวังนะ"
โห้หลีเฉินพยักหน้าอย่างสง่างาม “ขอบคุณคุณสำหรับการดูแลในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้”
เวนเดลล์ปลาบปลื้มด้วยรอยยิ้มอันแจ่มใส "จะได้อย่างไรกัน ยังไงฉันควรทำอย่างนั้นนี่ เพราะภรรยาของฉันก็เคยสร้างปัญหาให้คุณหนูเย้นมาก่อน จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกผิดมาก"
เมื่อเย้นหว่านได้ยินเช่นนี้ ก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“มันจบแล้ว ไม่เป็นไร คุณเวนเดลล์ ฉันซาบซึ้งมากที่คุณช่วยเหลือตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ พวกเราคงจะไม่พบยาได้เร็วอย่างนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...