ตอนนี้รีบไปถึงงานเลี้ยง ก็ยังทันได้เวลา
แต่ในเมื่อเป็นการจัดเลี้ยง ชุดราตรีเอยสูทเอยก็ยังไม่ได้เตรียมมาใส่ จะเข้าไปในบ้านกู้จื่อเฟยทั้งแบบนี้ ก็คงไม่ดีเท่าไหร่
โห้หลีเฉินมองสีหน้าท่าทางสับสนของเย้นหว่าน ก่อนลูบหัวน้อยๆ ของเธออย่างเอาใจ
เขาโน้มตัวเอ่ยเสียงเบาที่ข้างหูเธอ
“ตอนที่ฉันอยากเจอเธอ ก็ร้อนอกร้อนใจแบบนี้เหมือนกัน”
ไอร้อนจากคำพูดของชายหนุ่มเป่ารดที่ใบหู เหมือนกระแสไฟฟ้าที่กระจายบนผิวหนัง ทำเอาหูของเย้นหว่านแดงเห่อไปทั้งใบ
เธอเขินอายจนถอยไปหลบอยู่ข้างหลังเล็กน้อย หันไปมองแผ่นหลังที่รีบเร่งของเย้นโม่หลินอีกครั้ง ทันใดนั้นก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา
“นายหมายความว่า พี่ฉันอยากจะเจอกู้จื่อเฟยเหรอ? ทำไมเขาจะ.....”
เย้นหว่านยิ่งงงงวยไม่เข้าใจ
เธอก็รู้อยู่ ว่าเย้นโม่หลินไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับกู้จื่อเฟย กระทั่งยังเคยทำร้ายเธออย่างไร้ความรู้สึก จึงนำไปสู่ความตึงเครียดและแตกหักในตอนนี้ของทั้งสองคน
เธอนึกว่าที่เย้นโม่หลินรีบร้อนมาเพียงเพื่อยาเสียอีก ตอนนี้กลับเหมือนว่าจะเป็นเพราะกู้จื่อเฟย
หากเป็นเช่นนั้น งั้นที่เขารีบมาก่อนงานเลี้ยงอย่างไม่หลับไม่พัก ก็สมเหตุสมผลแล้ว
“หรือว่าพี่ชายฉัน ชอบกู้จื่อเฟยแล้ว?”
เย้นหว่านพึมพำ พูดไปเธอเองก็ไม่ค่อยจะเชื่อนัก
ทัศนคติของเย้นโม่หลินต่อกู้จื่อเฟยย่ำแย่ขนาดนั้น ดูท่าทางจะชอบได้ที่ไหนกัน
“ไปเถอะ รอแค่พวกเราแล้ว”
โห้หลีเฉินไม่ปล่อยให้เย้นหว่านคิดต่อไป เขาจับมือเธอแล้วเดินไปทางคันรถ
เย้นหว่านขึ้นรถแล้ว คนขับจึงรีบติดเครื่องและมุ่งหน้าไปยังบ้านของกู้จื่อเฟยด้วยความเร็วสูง
แต่กลับไม่ใช่คนขับรถที่ตั้งใจจะขับเร็วขนาดนั้นเอง แต่เป็นรถคนนั้นที่เย้นโม่หลินนั่งอยู่ด้านหน้าสุดนั้นขับอย่างบ้าคลั่งราวกับเมาเลือดไก่
รถคันด้านหลัง จึงได้แต่เร่งคันเร่งตามไป
ระหว่างทาง เย้นหว่านก็เห็นอาคาร ถนนหนทางที่คุ้นเคยผ่านนอกหน้าต่างเป็นระยะๆ นั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ส่วนมากก็ยังเป็นอย่างในความทรงจำของเธอ
เมืองแห่งนี้ ยังคงเป็นที่คุ้นเคยขนาดนี้
ในหัวของเย้นหว่าน ก็มีฉากที่เคยใช้ชีวิตที่นี่ฉายผ่านราวกับภาพยนตร์ มีทั้งความเจ็บปวด ทั้งความสุข ทั้งใจเต้น
ทั้งหมดนั้น สุดท้ายก็โยนความผิดไปตกอยู่ที่ตัวชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกาย
ตกเป็นของเธอ
“โห้หลีเฉิน ฉันโชคดีจริงๆ ที่ได้เจอนาย”
เย้นหว่านเอ่ยด้วยความรู้สึกลึกๆ
ในตอนแรกเริ่ม เพราะเธอถูกวางยา ถึงได้จับพลัดจับผลูไปมีอะไรกันกับโห้หลีเฉิน และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชายที่สูงส่งเย่อหยิ่งคนนั้น ชำเลืองมองเธอ
ถ้าไม่ใช่เพราะจุดเริ่มต้นนี้ เธอคิดว่า เธออาจจะไม่มีโอกาสได้คุยกับโห้หลีเฉินด้วยซ้ำ ยิ่งไม่มีการสนิทสนมหวั่นไหวและตกหลุมรักกันและกันในภายหลัง
โห้หลีเฉินเอื้อมมือไปโอบเย้นหว่านไว้ในอ้อมแขน “ฉันเองก็โชคดีที่ได้เจอเธอ ไม่อย่างนั้น....”
เขาชะงัก น้ำเสียงสดใสเต็มอก “ฉันอาจจะต้องเป็นโสดไปทั้งชีวิตแล้วล่ะ”
ได้ยินดังนั้น เย้นหว่านก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ความรู้สึกที่อัดแน่นในใจแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
แม้จะเป็นคำพูดขบขัน แต่กลับเป็นคำบอกรักที่น่าประทับใจที่สุด
ทั้งสองรักใคร ราวกับมาถึงเมืองหนานแล้ว ทำให้ความรักของพวกเขากรุ่นไออุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
ระหว่างที่กำลังเนิบนาบ บ้านของกู้จื่อเฟยก็ถึงแล้ว
ด้วยการขับรถอย่างบ้าคลั่ง ตอนที่มาถึงประตูบ้านของเธอก็ยังไม่ถึงห้าโมงครึ่ง
ในเวลานี้ งานเลี่ยงก็ยังไม่เริ่ม และยังไม่มีแขกมา
ตระกูลของกู้จื่อเฟยไม่ถือตระกูลทรงอิทธิพลแนวหน้าของเมืองหนาน แต่ก็นับเป็นตระกูลที่ยอดเยี่ยม บ้านนี้สร้างคฤหาสน์สามชั้นที่ตั้งโดดเดี่ยวในทำเลที่ดี มีสวนดอกไม้ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...