“อย่ามองนะ” เย้นหว่านหันกลับมาอย่างกะทันหันและปิดตาโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินเดินตามหลังเธออยู่ก้าวหนึ่ง เดิมทีเขาก็ยังไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไรแถมยังโดนปิดตาอีก ก็เลยยิ่งทำให้มองไม่เห็น
แต่เขาเองก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากนัก จึงปล่อยให้เย้นหว่านปิดเอาไว้
ป่ายฉีที่เดินอยู่หลังสุด ถูกโห้หลีเฉินที่หยุดอย่างกะทันหันขวางเอาไว้จึงได้แต่ต้องหยุดตาม ด้วยตำแหน่ง เขาไม่รู้ได้เลยว่าสถานการณ์ในห้องตอนนี้เป็นยังไง
แต่เย้นโม่หลินกลับเดินไปข้างเย้นหว่าน เพียงมองแวบแรก ก็มองเห็นสภาพห้องได้อย่างชัดเจน
แผ่นผิวหนังนั้นปะทะเข้าในสายตาของของเขาอย่างไม่ได้สงวนไว้เลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของเขาหม่นลงทันทีราวกับว่ามีเปลวไฟกำลังลุกโชน
ในเวลาเดียวกัน กู้จื่อเฟยเองก็ได้ยินเสียงพูดของเย้นหว่าน เธอจึงหันไปก่อนสบตาเข้ากับเย้นโม่หลินโดยไม่ทันตั้งตัว
เธอตัวแข็งทื่อ แสดงความตื่นตะลึงออกมาชั่วครู่
คือเย้นโม่หลิน
เธอตัวสั่น แม้ว่าหลังจากการโทรคุยกันเมื่อวานนี้เธอก็ได้เตรียมใจที่จะต้องเจอกับเขาแล้ว แต่เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอแบบนี้ เธอก็ยังควบคุมความตื่นตระหนกของหัวใจตัวเองไม่ได้
กว่าสามเดือนมาแล้ว เธอก็ได้พบกับเขาอีกครั้ง
หัวใจดวงนั้นที่ใกล้จะนิ่งงัน แต่ในชั่วพริบตาก็เหมือนมีเกลียวคลื่นซัดเข้ามา
ทว่า เธอก็ยับยั้งอารมณ์อย่างรวดเร็ว และกลับสู่ความสงบนิ่ง
ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“อ๊ะ! นายอย่ามองนะ!”
กู้จื่อเฟยตื่นตกใจจนรวบเสื้อผ้าที่เกือบเปลื้องออกจนหมดเข้าหาตัว ปกปิดตัวเองไว้อย่างไม่เต็มใจ
แต่ภายใต้ช่องว่างนั้น ก็ยังเผยสีขาวออกมาอยู่เล็กน้อย
ความวับๆ แวมๆ แบบนั้นกลับร้อนแรงและอันตรายมากกว่าเมื่อครู่เสียอีก
การหายใจของเย้นโม่หลิน หนักหน่วงขึ้นมาในพริบตา
ภายในร่างกาย เกิดความปั่นป่วนที่อธิบายไม่ได้
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินที่ยังคงจ้องมาที่เธอ ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็รู้สึกร้อนเหมือนโดนโยนลงไปในน้ำเดือด ทั้งวิตกกังวลและอับอาย
เธอพูดออกมาอย่างขัดเคือง “คุณชายเย้น คุณ คุณหยุดมองเลยนะ”
เย้นโม่หลินตกตะลึงครู่หนึ่ง แล้วจึงได้สติขึ้นมา มองเธอด้วยความงุนงง
เขาขมวดคิ้ว สีหน้ายังคงเดิม
“รีบใส่เสื้อผ้าซะ มีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน”
พูดจบ เขายื่นมือออกมา และขยับไปปิดประตูห้องของกู้จื่อเฟยอย่างไม่ได้เบามือนัก
สายตาอันแสนร้อนแรงนั้นจึงถูกปิดกั้นไป
ทันทีที่ประตูปิดลงกู้จื่อเฟยสูญเสียเรี่ยวแรงในทันที เสื้อผ้าที่ดึงเอาไว้เองก็ค่อยๆ หลุดจากมือของเธอตกลงบนพื้น
เรือนร่างที่สวยงามของเธอในตอนนี้ปรากฏในกระจกเต็มตัว
กู้จื่อเฟยมองไปทางประตู หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ บอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกอะไร
ความตื่นเต้นที่ได้เจอเขายังคงอยู่ เป็นความอึดอัดที่สับสนวุ่นวาย
หรือการแสดงออกที่ดูสงบของเขา ต่อให้เขามองร่างกายของเธอแล้วก็ไม่มีปฏิกิริยามากมาย ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ว เธอไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเขาได้ไม่ว่าทางใดก็ตาม
ใช่สิ เขาอยู่สูงส่ง หยิ่งทะนง ถึงเธอจะยืนอยู่ตรงหน้าของเขาแบบไม่ได้สวมอะไรเลย เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น
เพราะว่าทั้งในใจและในสายตาของเขา ไม่เห็นเธออยู่ในสายตา
กู้จื่อเฟยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เธอรู้ความจริงข้อนี้ดีอยู่แล้ว ทำไมเธอต้องมาหวั่นไหวอีกครั้งเพราะการพบกันครั้งนี้ด้วยล่ะ?
ช่างน่าเวทนาอย่างโง่เขลาจริงๆ
กู้จื่อเฟยที่ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เธอคุกเข่าลงหยิบชุดบนพื้นขึ้นมาสวมมันอีกครั้ง
หลังจากใส่เสร็จเรียบร้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สามครั้ง เพื่อกดอารมณ์ทั้งหมดภายในจิตใจลงสู่ส่วนลึกที่สุด
ใบหน้าของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะเปิดประตู
เมื่อประตูเปิด พวกเย้นโม่หลินไม่ได้ยืนขวางประตูอยู่ หากแต่ชายทั้งสามคนนั้นหันหลังให้กับประตูโดยยืนพิงราวบันไดมองลงไปข้างล่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...