แต่ในสายตาของเขามีเพียงหญิงสาวที่อยู่บนชิงช้าเท่านั้น เขามองเธอด้วยแววตาอบอุ่นอ่อนโยนที่ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
เขาผลักหญิงสาวเป็นครั้งคราวเพื่อให้ชิงช้าของเธอแกว่งต่อไป
ผู้ที่ดูสูงศักดิ์กำลังทำเรื่องแบบนั้นแต่กลับดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก ราวกับว่าเพียงเพื่อเธอแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็สามารถทำได้
แม้แต่ในอากาศก็เต็มไปด้วยฟองอากาศแห่งความรักอย่างน่าอิจฉา
แขกทั้งหลายพากันมองไปอย่างไม่รู้ตัว ทุกคนต่างมองอย่างนึกอิจฉาถึงกับนึกอยากจะมีความรักขึ้นมาบ้าง
บรรยากาศแบบนั้นมันช่างสวยงามจริงๆ
ทว่า ด้านข้างของชิงช้านั้นกลับเป็นภูมิทัศน์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ยังมีคู่ชายหญิงที่โดดเด่นไม่แพ้กันอยู่อีกคู่ยืนห่างออกไปไม่ไกล
ผู้หญิงนั้นเป็นเจ้าภาพของคืนนี้ คุณหนูกู้จื่อเฟย เธอสวมชุดกระโปรงสีเทาเงินดูงดงามและประณีตซึ่งกำลังยืนตัวตรงเป็นไม้บรรทัด
ดวงหน้ารูปไข่ที่สวยงามของเธอมีความหวั่นเกร็งอยู่เล็กน้อย
ชายร่างสูงที่ยืนถัดไปจากเธอเพียงครึ่งก้าว รูปลักษณ์นั้นหล่อเหลาระยิบระยับ แต่ทั่วร่างกลับปกคลุมด้วยความกดอากาศต่ำที่รุนแรงและอันตราย ทำเอากลัวจนแม้แต่จะมองเขาก็ไม่กล้ามองมาก
กระทั่งกู้จื่อเฟยที่ยืนอยู่ข้างเขาเองก็ยังระแวงจนไม่กล้ามอง
กู้จื่อเฟยจิกนิ้วของตัวเองแน่น ราวกับที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอเป็นภูเขาน้ำแข็งอย่างนั้นแหละ
หากไม่ใช่ว่าเขาเป็นคู่ควงของเธอ เธอก็อยากหนีไปให้ไกลสักสิบเมตรเดี๋ยวนี้เลย
บรรยากาศของเย้นโม่หลินในคืนนี้เย็นเยือกจริงๆ เย็นจนพาให้สั่นสะท้าน ก็ไม่รู้ว่าใครไปยั่วโมโหให้ชายผู้นี้อารมณ์เสียเข้า
หรือการมาเป็นคู่ของเธอมันทำให้เขารู้สึกไม่ดีขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?
ในที่สุดท่ามกลางความทุกข์ทรมาน กู้จื่อเฟยก็เห็นร่างที่ทำให้ตาเธอเป็นประกายที่ทางเข้างานเลี้ยงเสียที
ในที่สุดฝู้เหวยข่ายก็มาแล้ว
เขาสวมสูทอย่างเป็นทางการ เห็นได้ชัดว่าแต่งมาอย่างประณีต ใบหน้าที่เดินนั้นก็หล่อเหลาอยู่แล้วนั้นยิ่งดูดีมากขึ้น
เขาเดินเข้ามาให้สวนดอกไม้แล้วกวาดมองไปรอบๆ ไม่นานสายตาก็ไปตกอยู่ที่ร่างของกู้จื่อเฟย
มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข ขายาวก้าวออกไป เดินตรงดิ่งมุ่งไปยังกู้จื่อเฟย
ขณะกำลังจะเดินถึงเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“จื่อเฟย ที่แท้ก็อยู่นี่เอง ฉันเพิ่งจะไปหาเธอในบ้านแล้วไม่เจอเธอน่ะ”
เขาเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ “ฉันมีธุระนิดหน่อยเลยมาช้าไปเล็กน้อย โทรมาหาเธอก็ไม่มีคนรับสาย เธอคงไม่ได้โกรธใช่ไหม?”
ระหว่างที่พูดเขาก็เดินมาถึงเบื้องหน้าของกู้จื่อเฟยแล้ว
เขายืนหันหลังให้ไฟพอดิบพอดี เงาร่างสูงใหญ่ที่ฉายทาบออกมาจึงปกคลุมกู้จื่อเฟยเอาไว้ในเงาของเขา
ทันใดนั้นกู้จื่อเฟยก็รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่ส่งมาจากด้านข้างนอกเหนือจากเงา
ร่างกายของเธอเกร็งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว บนใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มสุภาพเอาไว้และส่ายหน้า
“ไม่ได้โกรธอยู่แล้ว ขอโทษนะ ฉันไม่ได้พกมือถือติดตัวมาด้วยน่ะ”
ได้ยินดังนั้น ฝู้เหวยข่ายยิ้มออกมาอย่างดีใจ
ยื่นมือออกไปทางกู้จื่อเฟยอย่างเป็นสุภาพบุรุษ “ไม่โกรธก็ดีแล้ว งานเลี่ยงใกล้จะเริ่มแล้วไปกันเถอะ เราไปพบคุณพ่อของเธอด้วยกัน”
กู้จื่อเฟยมองไปยังมือของฝู้เหวยข่ายก็อึ้งไปเล็กน้อย
คืนนี้เดิมทีก็ตกลงกันไปแล้วว่าเธอจะเป็นคู่ให้ฝู้เหวยข่าย ตามหลักการแล้วพวกเขาก็ควรจะเข้างานมาพร้อมกันและไปอวยพรด้วยกัน
แต่ว่าตอนนี้ กู้จื่อเฟยเหลือบมองชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาสั่นไหว
ลังเลอยู่ครู่หนึ่งเธอก็พูดขึ้นอย่างลำบากใจ
“เหวยข่าย ฉันแนะนำให้นายรู้จักนะ นี่คือเย้นโม่หลินเป็นพี่ชายของเพื่อสนิทของฉัน เขาเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ”
สายตาของฝู้เหวยข่ายจึงเพิ่งจะมองไปที่เย้นโม่หลิน
ความจริงระหว่างทางที่เดินมาเขาก็สังเกตเห็นเย้นโม่หลินและเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินที่แกว่งชิงช้าอยู่ไม่ไกลแล้ว กระทั่งชายแปลกหน้าที่นั่งเฉยๆ บนม้านั่งห่างออกไปไม่กี่เมตรก็ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...