เย้นหว่านร้อนใจกระวนกระวาย ยืดคอมองลงไป แต่อย่างไรมันก็ยังไกลเกินไป มองไม่เห็นเลยว่าสถานการณ์ในห้องของเย้นโม่หลินเป็นอย่างไรบ้าง
ประตูตรงเธอก็ออกไปไม่ได้
เย้นหว่านมองรอบนอกหน้าต่างทันที ก่อนจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ทำการเปิดหน้าต่างนั้น
แต่อย่างไรชั้นห้าก็ค่อนข้างสูง เย้นหว่านปีนขึ้นบนกรอบหน้าต่าง มองไปที่ใต้เท้า เริ่มรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงเล็กน้อย
เธอสุดหายใจเข้าลึก ปลอบใจตัวเองว่า ระวังหน่อยก็จะไม่มีเรื่องอะไรหรอก
ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นบ้าง เธออยู่ในห้องมีแต่จะนั่งรอความตาย
เธอต้องออกไป
เย้นหว่านรวบรวมความกล้า เท้าเหยียบลงบนส่วนเว้า ปีนลงอย่างระมัดระวัง
หลังจากปีนไปสักพัก เธอเหงื่อออกมากจนเปียกชุ่ม จนในที่สุดก็ปีนไปถึงกรอบหน้าต่างชั้นสอง
เธอรีบเดินไปตามกรอบหน้าต่างแตก แล้วมุดเข้าไปอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่เข้าไป สิ่งที่เหยียบลงไปคือพื้นที่มีแต่เศษเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของที่แตกหัก
ทั่วทั้งห้องของเย้นโม่หลินดูยุ่งเหยิงไปหมด เหมือนการเป็นอยู่ที่ผ่านมหันตภัยมา
ถึงขนาดที่ว่าบนพื้นและบนผนังยังมีรอยเลือด
เย้นหว่านสูดหายใจอย่างตึงเครียด สถานการณ์นี้ เกรงว่าจะเลวร้ายกว่าที่เธอคิด
เกิดเรื่องร้ายอะไรกับพี่ชายของเธอกันแน่
แล้วคนอื่นๆ อยู่ที่ไหน
เย้นหว่านไม่แน่ใจอะไรเลย รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที พยายามตามหาร่องรอยการต่อสู้ก่อนหน้านี้
เธอออกไปไม่ไกล ก็เห็นบอดี้การ์ดสองคนตรงโถงทางเดิน
เย้นหว่านรีบพูดว่า "นี่ ที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกคุณเห็นพี่ชายฉัน..."
ยังพูดไม่ทันจบ เสียงของเย้นหว่านก็ถูกเสียงตะโกนของบอดี้การ์ดขัดขึ้น
"เธอออกมาได้ยังไง รับจับเธอไว้เร็ว!"
เมื่อสิ้นเสียง สองบอดี้การ์ดก็เดินเข้ามาหาเย้นหว่านด้วยท่าทางโหดเหี้ยม ไร้ซึ่งความสุภาพและความเคารพดังเช่นปกติ
เย้นหว่านตื่นตัว สัญญาณแห่งการเตือนภัยดังขึ้นทันที
มันผิดปกติเกินไปแล้ว
พวกเขาจะจับเธอ!
ไม่ทันได้สายเกินไปจะถามให้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น เย้นหว่านหันหลังวิ่งหนีไปตามสัญชาตญาณทันที
สองบอดี้การ์ดไล่ล่าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะโกนว่า
"จับเธอไว้! ให้เธอหนีไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่ๆ!"
เย้นหว่านรู้สึกขนหัวลุก ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น
เธอวิ่งลงตรงไปตามบันไดชั้นสอง วิ่งด้วยความเร็วแปดร้อยเมตร รีบวิ่งไปที่สวนด้านหลังในอึดใจเดียว
ที่นี่ น่าจะมีสัญญาณนะ?
ตราบใดที่มีเวลานิดหน่อยให้ติดต่อโห้หลีเฉินได้ก็พอ
เย้นหว่านวิ่งอย่างหอบเหนื่อย แต่สองบอดี้การ์ดข้างหลังกลับไล่ตามมาติดๆ ยิ่งไล่ตามใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เย้นหว่านใจเต้นรัวแรงดั่งฟ้าร้อง ตื่นตระหนกอย่างมาก สัญญาตญานบอกชัดว่าถ้าถูกพวกเขาจับได้เมื่อไรย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่
เธอไม่กล้าหยุดอยู่นิ่ง จึงวิ่งต่อไปข้างหน้า เมื่อผ่านมุมทางเลี้ยวไป ก็เห็นร่างหนึ่งที่คุ้นเคยอยู่ไกลๆ
เป็นเย้นโม่หลิน!
เย้นหว่านดีใจมาก กำลังจะวิ่งไปหาเขา แต่กลับเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดเข้าเสียก่อน ที่ด้านหลังของเย้นโม่หลินไม่ไกล ก็มีกลุ่มบอดี้การ์ดตามติดกระชั้นชิดอยู่ด้วย
ดูจากชุด นั่นคือคนของตระกูลหยู
ในมือพวกเขาแต่ละคนถืออาวุธ หน้าตาชั่วร้ายไล่ตามเย้นโม่หลิน
เย้นหว่านเย็นยะเยือกไปทั่วกายทันที ความคิดที่คาดเดาอยู่ในหัวที่สุดแล้วก็ได้รับการยืนยัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ แต่กลับดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริง
คนของตระกูลหยู กำลังไล่ฆ่าเย้นโม่หลิน!
ดังนั้นจึงล็อคกลอนขังเธอเอาไว้
เย้นหว่านแทบคลั่ง ทั่วร่างเย็นยะเยือก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ทั้งทั้งที่เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย ขนาดหยูฉู่สองยังตรวจดูสินสอดสมรสด้วยตัวเอง ยินดีจะดองกับตระกูลเย้น วาดหวังให้สองตระกูลยิ่งแน่นแฟ้น
แล้วทำไมเพียงชั่วข้ามคืนเรื่องมันกลับตาลปัตรไปแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...