"รีบพูดมา!" หัวหน้าบอดี้การ์ดเอ่ยถามอย่างเร่งร้อน หงุดหงิดงุ่นง่านอย่างมาก
พวกเขาจับได้ว่าเย้นโม่หลินเข้ามาในคลินิกแล้ว ก็ไล่ตามเข้ามาอย่างเร็วที่สุด คิดวางแผนไว้ว่าจะจับเต่าในไห
ถ้าหากเป็นแบบนี้แล้วยังจับไม่ได้ พวกเขาคงต้องถูกผู้นำตระกูลจัดการทิ้งอย่างแน่นอน
บอดี้การ์ดตอบกลับ "พวกเราเพิ่งพบรอยเลือดที่ชั้นบน ผมสงสัยว่า พวกเขาจะกระโดดหนีจากดาดฟ้าโรงพยาบาลไปที่ดาดฟ้าตึกอื่นแล้ว"
"อะไรนะ? เวรเอ๊ย!"
หัวหน้าบอดี้การ์ดเตะม้านั่งที่อยู่ข้างๆ ทีหนึ่ง เขาโกรธจนหน้าดำหน้าเขียว
เปิดช่องจากความประมาท เขาคาดไม่ถึงเลยว่าสามคนที่บาดเจ็บสาหัสจะยังกล้ากระโดดข้ามตึก จนเปิดช่องว่างให้เย้นโม่หลินหนีไปได้
"พวกเขาบาดเจ็บสาหัส แล้วยังพากู้จื่อเฟยไปด้วย ลำพังสองขามันหนีไปได้ไม่ไกล รีบตามไป!"
เมื่อหัวหน้าบอดี้การ์ดออกคำสั่ง พวกบอดี้การ์ดก็วิ่งไปที่ชั้นบนทันที
เย้นโม่หลินและป่ายฉีนั้นก็หนีไปทางดาดฟ้าจริงๆ ด้วยระยะห่างที่ห่างไปสองเมตรกว่า เขาอุ้มกู้จื่อเฟยเอาไว้แล้วกระโดดไปยังดาดฟ้าอีกด้านหนึ่ง
กระโดดครั้งนี้ ทำให้บาดแผลบนร่างกายของเย้นโม่หลินฉีกเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิมอีก เลือดสดๆ หลั่งไหลออกมา
ป่ายฉีนั้นถือยาถุงใหญ่ เขาวิ่งไปพร้อมกับจัดยาไปด้วย
เย้นโม่หลินยืนอยู่บนที่สูง ไม่นานก็กำหนดเส้นทางหลบหนีได้อย่างรวดเร็วแล้วพาป่ายฉีอ้อมลงไปยังตรอกลับตาคนที่อยู่ด้านล่าง
เมื่อไปถึงตรอก ป่ายฉีที่หายใจหอบเหนื่อยก็รีบยื่นยาในมือไปอย่างรวดเร็ว
"พี่ใหญ่ ป้อนยานี้ให้เธอกิน"
เย้นโม่หลินไม่ลังเล เขาหยิบยามาแล้วค่อยๆ ป้อนเข้าไปในปากของกู้จื่อเฟยอย่างระมัดระวัง
แต่ไม่มีน้ำ กู้จื่อเฟยจึงกลืนลงไปไม่ได้
เธอขมวดคิ้ว พึมพำอย่างเจ็บปวด "ขม ขม...."
ขณะที่พูดก็พยายามคายยาออกมา
ป่ายฉีรีบตะโกนขึ้นมา "คายไม่ได้นะ จัดยานี้ครั้งหนึ่งต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยนะ"
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาขาดแคลนมากที่สุดก็คือเวลา
กู้จื่อเฟยที่อาการกึ่งโคม่านั้นก็ไม่ได้ยินเสียงของป่ายฉีเลย เธอใช้สัญชาตญาณและจะคายยาออกมา
เย้นโม่หลินแววตาเคร่งขรึม ทันใดนั้นเขาก็ก้มลง ริมฝีปากบางประกบปิดปากเล็กของเธอเอาไว้
"อื้อ....."
กู้จื่อเฟยส่งเสียงอู้อี้
เย้นโม่หลินดันลิ้นแล้วเบียดแทรกเข้าไปอย่างแข็งกร้าว
กู้จื่อเฟยคิดจะต่อต้าน แต่กลับถูกชายหนุ่มกดเอาไว้ และปล่อยให้เขาบุกรุกเข้ามาให้อาณาเขตของเธอช่วงชิงอย่างหยาบคาย
ป่ายฉีที่ดูอยู่นั้น "....."
อืม ปลดล็อกท่าป้อนยาแบบใหม่อันสุดยอดและทรงพลัง
แต่หมาโสดโดดเดี่ยวอย่างเขาดูไปแล้วจะใช้อะไรได้? มันจะมีประโยชน์อะไร?
เย้นโม่หลินบังคับกรอกยาให้กู้จื่อเฟย แล้วจึงอุ้มเธอที่สะลึมสะลือเดินต่อไปข้างหน้า
ทุกก้าวที่เขาเดินไป ใต้เท้าก็จะนองไปด้วยเลือดสีเข้ม
ป่ายฉีตามอยู่ข้างหลัง มีถุงห้อยอยู่ที่คอ ในมือก็กำลังจัดเตรียมยาสารพัดยุ่งเป็นพัลวัน
ยาพวกนี้เป็นล้วนเป็นยาสามัญทั่วไป มันสามารถรักษาโรคได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นประสิทธิผลของยาของเขา
แต่ยาบางตัว เมื่อผ่านการบดเป็นพิเศษและจัดอัตราส่วนแล้ว ก็กลับสามารถสร้างปาฏิหาริย์ในมือของป่ายฉีได้
ป่ายฉีบดยาเป็นผงอีกถุง แล้วพูดกับเย้นโม่หลิน
"พี่ใหญ่ เอานี่ทาบนปากแผล มันห้ามเลือดได้ทันทีในกรณีฉุกเฉิน"
ต่อให้พวกเขาจะหาเส้นทางเดินได้ดี แต่คราบเลือดตลอดทางนี้ก็จะทำให้คนที่อยู่ข้างหลังไล่ตามมาได้
จะสลัดทิ้งก็ทำไม่ได้
และความจริงเขากับเย้นโม่หลินนั้นทรุดโทรมจนแทบไม่ไหวแล้ว การวิ่งหนีในตอนนี้คงไม่พ้นเป็นการต่อสู้เฮือกสุดท้าย ถ้าหากยังสลัดไม่หลุดต่อไปแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องสิ้นชีพแน่
ฝีเท้าของเย้นโม่หลินหยุดลงแล้วรับผงยามา "นายล่ะ?"
"ผมจะจัดใหม่ ไม่นานหรอก"
ป่ายฉีไม่ได้ชักช้า เขาเริ่มทำยาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
เขาเป็นหมอ เขารู้ดีที่สุด
เย้นโม่หลินเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาวางกู้จื่อเฟยนั่งลงที่แปลงดอกไม้ข้างๆ แล้วกำลังจะเอายามาจัดการบาดแผลของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...