"วันหลังคุณก็แต่งงานได้กับผมคนเดียวเท่านั้นแล้ว"
น้ำเสียงที่แข็งกระด้างของเย้นโม่หลินระคนความตื่นเต้นเล็กน้อย"กู้จื่อเฟย คุณต้องไตร่ตรองให้ดีนะ?ถ้าออกไปพร้อมกับผมแล้วก็กลับคำไม่ได้อีก"
กู้จื่อเฟยตะลึงงัน คาดไม่ถึงว่ายังมีแบบนี้ด้วย
ประกาศสถานะแฟนสาวก็ยังพอว่า ทว่านี่กระทั่งงานแต่งก็ถือเป็นอันตกลงแล้วหรือ?
หากเธอพยักหน้าออกไปด้วยกัน ไม่ใช่กลายเป็นว่ายอมแต่งงานกับเย้นโม่หลินแล้วหรอกหรือ?
นี่มันรวบรัดตัดตอนผ่านขั้นตอนการขอแต่งงานไม่ใช่หรือ?
ทันใดนั้นกู้จื่อเฟยรู้สึกเลิ่กลั่กเล็กน้อย
เธอชอบเย้นโม่หลินมากและมั่นใจว่าเย้นโม่หลินก็มีใจต่อเธอ ทว่าถึงอย่างไรเย้นโม่หลินก็ยังไม่ยอมรับว่ารักเธอ เรียกได้ว่ายังไม่เข้าใจความหมายของคำว่ารักเท่าใดนัก
ถ้าหากแต่งงาน เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เขาจะเข้าใจความหมายของคำว่ารักแล้วค่อยแต่งงานกับเธอ
เย้นโม่หลินเห็นกู้จื่อเฟยลังเลและกระอักกระอ่วน จากที่ไม่ค่อยสบายใจอยู่แล้วก็จมดิ่งในหุบเหวลึก จากนั้นก็มีแต่ความมืดมน ไม่เห็นแสงตะวันเลย
สีหน้าเขามืดครึ้ม กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า"หากคุณไม่ยินดี ผมจัดการให้คุณเข้างานคนเดียวก็ได้"
สิ้นเสียง เย้นโม่หลินหันกายเตรียมจะจากไป
กู้จื่อเฟยยิ่งมึนหนักกว่าเดิม เธอยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ?
ทำไมจึงกลายเป็นไม่ยินดีซะงั้น
กู้จื่อเฟยรีบจับข้อมือของเย้นโม่หลินไว้ กล่าวด้วยความร้อนรนว่า"ฉันไม่ได้บอกว่าไม่ยินดีสักหน่อยนี่ค่ะ"
เย้นโม่หลินพลันหันหลังกลับมากะทันหัน ดวงตาฉายประกายความสดใสอันน่าสะดุดตา
กล่าวด้วยความดีอกดีใจว่า"หมายความว่าคุณยินดีหรือ?"
กู้จื่อเฟย"......"
ก็ไม่ใช่จะยินดีโดยตรงหรอกนะ
ทว่าเห็นท่าทางของเย้นโม่หลินมีให้เลือกเพียงสองทางเท่านั้น ขมับของกู้จื่อเฟยก็เต้นกระตุกไม่หยุด
มันทำให้เธอลำบากใจเหลือเกิน
เธอลังเลสักครู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า"งั้นถือว่ายินดีไปก่อนชั่วคราวค่ะ"
"คุณยินดีก็ดีแล้ว"
เย้นโม้หลินฟังแค่ใจความสำคัญเท่านั้น ขยับมือไปจับมือเล็กของกู้จื่อเฟย ใบหน้าที่หล่อเหลา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
หล่อแบบมีเสน่ห์มาก
เขากล่าวเสียงเข้ม"ผมจะส่งคนไปสู่ขอที่บ้านของคุณนะ จะเตรียมงานแต่งให้ดีแน่นอน คุณไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น"
กู้จื่อเฟยเบิกตากว้างกะทันหัน มองเย้นโม่หลินด้วยใบหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ทำไมคุยไปถึงเรื่องสู่ขอ เรื่องงานแต่งงานแล้วล่ะ?
จังหวะของเย้นโม่หลินรวดเร็วสายฟ้าแลบเกินไปหรือเปล่า
ใครบอกว่าเย้นโม่หลินเฉื่อยชาด้านความรักกันล่ะ?จังหวะของเขาเยี่ยมกว่าการวางอุบายเสียอีก!
กู้จื่อเฟยไม่รู้ตัวเลยว่าตนออกจากห้องและไปถึงงานเลี้ยงได้อย่างไร
เธออยู่ในภวังค์ตกตะลึงหลังถูกฟ้าผ่าไม่หาย
ในใจมีความเบิกบานอย่างไม่เอาไหนร่วมด้วย
จัดงานเลี้ยงในสวนดอกไม้อันกว้างใหญ่ ประดับประดาไปด้วยดวงไฟอันเจิดจรัส บรรยากาศงดงามยิ่งนัก
กู้จื่อเฟยถูกเย้นโม่หลินจูงมือ เดินไปยังจุดศูนย์กลางท่ามกลางสายตาฝูงชน ก่อนจะยืนอยู่ข้างกายเย้นเจิ้นจื๋อกับกงจืออวี
เย้นโม่หลินยืนโค้งตัวคำนับผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองท่าน
"คุณพ่อ คุณแม่"
ภายใต้สายตาจดจ้องของทุกคน กู้จื่อเฟยยิ้มทักทายอย่างหวานละมุน
"สวัสดียามเย็นค่ะ คุณลุง คุณป้า"
ร่างกายเย้นเจิ้นจื๋อยังอ่อนแอ จำเป็นต้องพักรักษาตัว ทว่าเขายืนกรานจะเข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ให้ได้ จึงนั่งรถวีลแชร์มา
นี่ถือเป็นงานประกาศข่าวแต่งงานของเย้นหว่าน เขาในฐานะพ่อบังเกิดเกล้า จำเป็นต้องมาเพื่อเป็นหน้าเป็นตาแก่ลูกสาวอยู่แล้ว
และอีกอย่าง ไม่เพียงแต่เรื่องนี้เรื่องเดียว คืนนี้ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญมากๆ
นั่นก็คือเรื่องของลูกชายตรงหน้ากับว่าที่ลูกสะใภ้ของตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...