สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 164

"นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีอะไรอีก"

เสียงของเย่จิ่งอวี้ราบเรียบ ฟังไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ใด

เจวี๋ยอิงที่คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวต่อว่า "บอกว่าฝ่าบาทไม่ยอมรับอันผิงอ๋อง ต้องการจะสังหารกันเอง"

เย่จิ่งอวี้หัวเราะเยาะ และพูดว่า "ในที่สุดเรื่องดาวมงคล ก็ทำให้คนนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้"

เจวี๋ยอิงกล่าวเสริมอีกว่า "ตามรายงานจากสายลับที่ซ่อนอยู่ในเมือง ดูเหมือนจะมีชาวยุทธ์จำนวนมากปะปนอยู่ในเมืองหลวง"

เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้เลิกขึ้น ถามอย่างเย็นชา "สืบได้หรือไม่ว่าคนเหล่านี้มาจากที่ใด"

เจวี๋ยอิงกล่าวด้วยความเคารพ "เวลานี้ยังไม่ทราบ กระหม่อมได้สั่งให้พวกเขาเร่งตรวจสอบแล้ว"

กระแสเสียงของเย่จิ่งอวี้เริ่มกระด้างขึ้น

"เจ้าถอยไปก่อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น!"

"กระหม่อมเข้าใจแล้ว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"

หลังจากที่เจวี๋ยอิงจากไปแล้ว เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ก็หรี่ลงอีกครั้ง

นับตั้งแต่อันผิงอ๋องออกจากสุสานหลวง เรื่องราวหลายอย่างในเมืองหลวงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาต้องการดูว่าคนเหล่านี้จะทำอะไรได้อีกบ้าง

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เย่จิ่งอวี้ก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "หลี่เต๋อฝู ให้เสี่ยวเสวียนจื่อเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง ข้าจะออกจากวังไปหาเสด็จอาสิบสาม!"

สิบห้านาทีต่อมา อินชิงเสวียนในชุดลำลองก็เดินเข้าประตูมา

นางสวมชุดคลุมตัวยาวสีเขียวใบไผ่ที่ทำให้แลดูสูงโปร่ง ผมของนางถูกรวบเป็นมวยเรียบง่ายด้วยปิ่นกลัดผมสีเงิน ทำให้นางดูเรียบร้อย สดชื่น และประณีต

"กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท"

"ตามสบาย"

เย่จิ่งอวี้เดินออกจากห้องโถงด้านใน เมื่อเห็นดวงหน้าขาวผ่องประณีต เขาก็กลืนน้ำลายเอื้อก

รูปหน้าเช่นนี้ หากแต่งกายด้วยชุดสตรีคงน่าชมทีเดียว!

อินชิงเสวียนถูกเขามองจนขนลุก เดินถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

เย่จิ่งอวี้ถอนสายตา แล้วเดินไปที่ประตู

"เมื่อวานเสด็จอาถูกลอบสังหาร เจ้าตามข้าออกไปเยี่ยมที่นอกวัง"

"หะ?"

อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจ

แล้วเสียงของเย่จิ่งอวี้ดังมาจากด้านหน้า

"อย่าถามอะไรอีกเลย ตามมาก็พอ"

"พ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อมาถึงประตูวัง ก็เห็นรถม้าคันหนึ่งที่ประดับด้วยพู่สีทอง บนม่านประตูของรถม้านั้นมีมังกรทองห้ากรงเล็บปักด้วยด้ายหลากสีสัน ความรู้สึกหรูหราชนิดหนึ่งก็ทะลุออกมา

เย่จิ่งอวี้เปิดม่านเข้าไปในรถม้า ตามหลังไปด้วยฉินเทียน หลี่ฉี และองครักษ์อีกหลายสิบคน

อินชิงเสวียนมองปราดหนึ่ง ก็เห็นว่าตัวเองไม่มีม้า ขณะที่กำลังจะถามฉินเทียน ก็ได้ยินเสียงเย่จิ่งอวี้ดังมาจากในรถม้า "มัวรีรออะไรอยู่ ยังไม่รีบขึ้นมาอีก"

อินชิงเสวียนชี้ไปที่จมูกของตัวเอง ให้นางขึ้นรถม้างั้นหรือ

ฉินเทียนกระซิบ "เจ้านั่นแหละ ฝ่าบาทตรัสแล้ว ให้เจ้านั่งรถไปกับพระองค์"

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเล็กน้อย นี่คือรถม้าของฮ่องเต้ ถึงอย่างไรก็ต้องเปิดหูเปิดตาสักหน่อย

หลังจากขึ้นรถม้าแล้ว ก็พบว่าพื้นที่ภายในรถม้านั้นกว้างมาก ด้านในเป็นสีเหลืองอร่าม มีเบาะนุ่มๆ รองอยู่ทุกด้าน นอกจากนี้ยังมีโต๊ะน้ำชาอันประณีตตั้งอยู่ตรงกลาง พร้อมด้วยชุดถ้วยชาหยกสีขาวและกาน้ำชาอยู่ด้วย ตลอดจนผลไม้และของว่าง

สมแล้วที่เป็นรถม้าพระที่นั่ง ยอดเยี่ยมจริงๆ!

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนมองไปรอบๆ เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดก็มีของที่ทำให้นางประหลาดใจบ้าง

ฉินเทียนตะโกนว่าว่าเสด็จ ครั้นแล้วรถม้าก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากวังหลวง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์