ทันทีที่อินชิงเสวียนเข้ามาก็บังเอิญเห็นฉากนี้
ความรู้สึกเหมือนถูกทรยศได้อุบัติขึ้น ในใจรู้สึกอิจฉายิ่งนัก
เสี่ยวหนานเฟิงแนบแก้มกับใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ ทำให้ใบหน้าของเขาเปียกด้วยน้ำลาย
อินชิงเสวียนรีบกล่าวทันที "ฝ่าบาท ท่านส่งลูกให้กระหม่อมเถอะ ประเดี๋ยวถูกเขากัดเอา"
เย่จิ่งอวี้พูดด้วยรอยยิ้มละไม "เขาไม่กัดข้าหรอก"
อินชิงเสวียนกลอกตา ลืมตอนที่เขาชกพระองค์ไม่ได้แล้วหรือ สำคัญตัวเองจริงๆ
เย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงนั่งบนตัก จับมือเล็กๆ ของเขาแล้วพูดอย่างอบอุ่น "ในอีกไม่กี่วัน เจ้าจะเป็นอ๋องแล้ว เป็นอ๋องคนแรกที่ข้าแต่งตั้ง เสี่ยวหนานเฟิงเจ้าดีใจหรือไม่"
อินชิงเสวียนอยากจะบอกว่าแม่ของเขาไม่ดีใจเลย แต่นางไม่มีความกล้า ดังนั้นนางจึงต้องหุบปากและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
เสี่ยวหนานเฟิงดูเหมือนจะเข้าใจ แล้วมือเล็กๆ อันจ้ำม่ำของเขาก็โบกไหวๆ อย่างมีความสุข
อินชิงเสวียนแอบมองเย่จิ่งอวี้แวบหนึ่ง เป็นอ๋องดีอย่างไร เป็นฮ่องเต้ยังจะดีเสียกว่า ถ้านางเป็นไทเฮาออกว่าราชการผ่านหลังม่านได้ คงจะดีไม่น้อย
ชั่วพริบตา ค่ำคืนก็มืดสนิทลง
เสียงกลองดังขึ้นในยามสอง และในที่สุดเย่จิ่งอวี้ก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ
"ถึงเวลาที่ข้าต้องกลับแล้ว"
อินชิงเสวียนอ้าปากหาวได้ครึ่งทางแล้ว แต่นางก็ต้องรีบหุบปาก ความรู้สึกนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจะอึดอัดเพียงใด
แต่ก็ยังแสร้งทำสีหน้าผ่องใส
"กระหม่อมน้อมส่งฝ่าบาท"
"ไม่ต้องส่งหรอก เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ!"
เย่จิ่งอวี้ตะโกนเรียกไป่เสวี่ย แล้วก้าวเท้าอาดๆ ออกจากตำหนักไป
ในที่สุดอินชิงเสวียนก็อ้าปากหาวได้เต็มที่ วางเสี่ยวหนานเฟิงไว้ในรถที่เย่จิ่งอวี้ประทานให้ และนับตั๋วเงินพร้อมกับโยกตัวไปด้วย
ขายได้เกือบสองหมื่นตำลึงในคืนเดียว ดวงตาของอินชิงเสวียนเป็นประกาย มุมปากของนางยกขึ้นมากจนนางแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้
ถ้าเย่จิ่งอวี้ไม่ได้หาเรื่องนางอยู่บ่อยๆ ตอนนี้นางคงมีเงินถึงหนึ่งแสนตำลึงแล้ว ครั้งต่อไปนางจะไม่พูดอะไรอีก ชีวิตในภายหน้าจะหาเงินในวังอย่างสงบสุข
นางหยิบเงินหนึ่งหมื่นตำลึงมาใส่ไว้ในอกเสื้อ ที่เหลือก็เก็บไว้ในมิติ
แล้ววันมะรืนนี้ค่อยหาข้ออ้างที่จะออกจากวัง และฝากเงินไปกับจอมพลเฒ่ากวน ซึ่งจะทำให้ความกังวลของนางหมดไปข้อหนึ่ง
ส่วนเรื่องของตระกูลอินนั้น...
คืนนี้เย่จิ่งอวี้ถามนาง ซึ่งหมายความว่าเขาตั้งใจที่จะสอบสวนอีกครั้ง ทุกอย่างรอคอยเพียงเวลาเท่านั้น ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามมขั้นตอนก็พอ พูดมากเกินไปอาจมีผลตรงกันข้ามก็ได้
แต่ถึงกระนั้นอินชิงเสวียนยังคงรู้สึกขอบคุณเย่จั้นมาก ยากมากที่จะเห็นขุนนางในราชสำนักทำให้เย่จิ่งอวี้หวั่นไหว ซึ่งเห็นได้ชัดในสนามฝึกในวันนั้น แต่คำพูดของเย่จั้น เขากลับยอมรับฟังอย่างเห็นได้ชัด
โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีเหตุผลอื่นที่ทำให้เย่จิ่งอวี้มีความคิดนี้!
เมื่อกลับมาถึงตำหนักเฉิงเทียน เย่จิ่งอวี้ก็จมอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้งอีกครั้ง
จนกระทั่งเสียงตีฆ้องบอกยามสามดังขึ้น เขาจึงขึ้นไปนอนบนแท่นบรรทม
ขณะที่เขากำลังจะหลับตา จู่ๆ เจวี๋ยอิงก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนัก
"ฝ่าบาท สายลับจากนอกวังมารายงานว่าท่านอ๋องสิบสามถูกลอบสังหาร"
"อะไรนะ"
เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นนั่งทันที ถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น "เกิดขึ้นเมื่อใด"
เจวี๋ยอิงกล่าวด้วยความนอบน้อม "เมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว"
เย่จิ่งอวี้ถามขึ้นทันควัน "เสด็จอาได้รับบาดเจ็บหรือไม่"
เจวี๋ยอิงก้มศีรษตอบว่า "ท่านอ๋องสิบสามไม่เป็นอันตราย แต่นักฆ่าเหล่านั้นกลืนยาพิษฆ่าตัวตายทันที ไม่เหลือผู้ใดรอดชีวิตเลย"
เย่จิ่งอวี้เปิดผ้าห่มผ้าออก ยืนบนพื้นด้วยเท้าเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...