สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 163

สรุปบท บทที่ 163 ท่านอ๋องถูกลอบสังหาร: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

อ่านสรุป บทที่ 163 ท่านอ๋องถูกลอบสังหาร จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บทที่ บทที่ 163 ท่านอ๋องถูกลอบสังหาร คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย GoodNovel อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ทันทีที่อินชิงเสวียนเข้ามาก็บังเอิญเห็นฉากนี้

ความรู้สึกเหมือนถูกทรยศได้อุบัติขึ้น ในใจรู้สึกอิจฉายิ่งนัก

เสี่ยวหนานเฟิงแนบแก้มกับใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ ทำให้ใบหน้าของเขาเปียกด้วยน้ำลาย

อินชิงเสวียนรีบกล่าวทันที "ฝ่าบาท ท่านส่งลูกให้กระหม่อมเถอะ ประเดี๋ยวถูกเขากัดเอา"

เย่จิ่งอวี้พูดด้วยรอยยิ้มละไม "เขาไม่กัดข้าหรอก"

อินชิงเสวียนกลอกตา ลืมตอนที่เขาชกพระองค์ไม่ได้แล้วหรือ สำคัญตัวเองจริงๆ

เย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงนั่งบนตัก จับมือเล็กๆ ของเขาแล้วพูดอย่างอบอุ่น "ในอีกไม่กี่วัน เจ้าจะเป็นอ๋องแล้ว เป็นอ๋องคนแรกที่ข้าแต่งตั้ง เสี่ยวหนานเฟิงเจ้าดีใจหรือไม่"

อินชิงเสวียนอยากจะบอกว่าแม่ของเขาไม่ดีใจเลย แต่นางไม่มีความกล้า ดังนั้นนางจึงต้องหุบปากและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

เสี่ยวหนานเฟิงดูเหมือนจะเข้าใจ แล้วมือเล็กๆ อันจ้ำม่ำของเขาก็โบกไหวๆ อย่างมีความสุข

อินชิงเสวียนแอบมองเย่จิ่งอวี้แวบหนึ่ง เป็นอ๋องดีอย่างไร เป็นฮ่องเต้ยังจะดีเสียกว่า ถ้านางเป็นไทเฮาออกว่าราชการผ่านหลังม่านได้ คงจะดีไม่น้อย

ชั่วพริบตา ค่ำคืนก็มืดสนิทลง

เสียงกลองดังขึ้นในยามสอง และในที่สุดเย่จิ่งอวี้ก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ

"ถึงเวลาที่ข้าต้องกลับแล้ว"

อินชิงเสวียนอ้าปากหาวได้ครึ่งทางแล้ว แต่นางก็ต้องรีบหุบปาก ความรู้สึกนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจะอึดอัดเพียงใด

แต่ก็ยังแสร้งทำสีหน้าผ่องใส

"กระหม่อมน้อมส่งฝ่าบาท"

"ไม่ต้องส่งหรอก เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ!"

เย่จิ่งอวี้ตะโกนเรียกไป่เสวี่ย แล้วก้าวเท้าอาดๆ ออกจากตำหนักไป

ในที่สุดอินชิงเสวียนก็อ้าปากหาวได้เต็มที่ วางเสี่ยวหนานเฟิงไว้ในรถที่เย่จิ่งอวี้ประทานให้ และนับตั๋วเงินพร้อมกับโยกตัวไปด้วย

ขายได้เกือบสองหมื่นตำลึงในคืนเดียว ดวงตาของอินชิงเสวียนเป็นประกาย มุมปากของนางยกขึ้นมากจนนางแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้

ถ้าเย่จิ่งอวี้ไม่ได้หาเรื่องนางอยู่บ่อยๆ ตอนนี้นางคงมีเงินถึงหนึ่งแสนตำลึงแล้ว ครั้งต่อไปนางจะไม่พูดอะไรอีก ชีวิตในภายหน้าจะหาเงินในวังอย่างสงบสุข

นางหยิบเงินหนึ่งหมื่นตำลึงมาใส่ไว้ในอกเสื้อ ที่เหลือก็เก็บไว้ในมิติ

แล้ววันมะรืนนี้ค่อยหาข้ออ้างที่จะออกจากวัง และฝากเงินไปกับจอมพลเฒ่ากวน ซึ่งจะทำให้ความกังวลของนางหมดไปข้อหนึ่ง

ส่วนเรื่องของตระกูลอินนั้น...

คืนนี้เย่จิ่งอวี้ถามนาง ซึ่งหมายความว่าเขาตั้งใจที่จะสอบสวนอีกครั้ง ทุกอย่างรอคอยเพียงเวลาเท่านั้น ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามมขั้นตอนก็พอ พูดมากเกินไปอาจมีผลตรงกันข้ามก็ได้

แต่ถึงกระนั้นอินชิงเสวียนยังคงรู้สึกขอบคุณเย่จั้นมาก ยากมากที่จะเห็นขุนนางในราชสำนักทำให้เย่จิ่งอวี้หวั่นไหว ซึ่งเห็นได้ชัดในสนามฝึกในวันนั้น แต่คำพูดของเย่จั้น เขากลับยอมรับฟังอย่างเห็นได้ชัด

โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีเหตุผลอื่นที่ทำให้เย่จิ่งอวี้มีความคิดนี้!

เมื่อกลับมาถึงตำหนักเฉิงเทียน เย่จิ่งอวี้ก็จมอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้งอีกครั้ง

จนกระทั่งเสียงตีฆ้องบอกยามสามดังขึ้น เขาจึงขึ้นไปนอนบนแท่นบรรทม

ขณะที่เขากำลังจะหลับตา จู่ๆ เจวี๋ยอิงก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนัก

"ฝ่าบาท สายลับจากนอกวังมารายงานว่าท่านอ๋องสิบสามถูกลอบสังหาร"

"อะไรนะ"

เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นนั่งทันที ถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น "เกิดขึ้นเมื่อใด"

เจวี๋ยอิงกล่าวด้วยความนอบน้อม "เมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว"

เย่จิ่งอวี้ถามขึ้นทันควัน "เสด็จอาได้รับบาดเจ็บหรือไม่"

เจวี๋ยอิงก้มศีรษตอบว่า "ท่านอ๋องสิบสามไม่เป็นอันตราย แต่นักฆ่าเหล่านั้นกลืนยาพิษฆ่าตัวตายทันที ไม่เหลือผู้ใดรอดชีวิตเลย"

เย่จิ่งอวี้เปิดผ้าห่มผ้าออก ยืนบนพื้นด้วยเท้าเปล่า

หานสือกล่าวต่อว่า "ฝนที่ตกหนักเมื่อเร็วๆ นี้ได้เสริมการเจริญเติบโตของพืชผล ตอนนี้เมล็ดข้าวสาลีชุดแรกสุกแล้ว เชื่อว่าเร็วๆ นี้คงจะเก็บเกี่ยวได้"

เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและกล่าวว่า "อืม นี่ก็เป็นข่าวดีเช่นกัน"

ในตอนนี้เอง แม่ทัพที่บอกว่าขันทีอ่อนแอเหมือนไก่ ได้เดินออกมายืนข้างหน้า

"ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินมาว่าเป่ยจิ้งอ๋องกลับถึงเมืองหลวงแล้ว ยามนี้อันผิงอ๋องประชวรไม่สามารถเดินทางไกลได้ กระหม่อมคิดว่าเป่ยจิ้งอ๋องกลับมาทันเวลาพอดี ท่านอ๋องรักษาการณ์อยู่ที่ชายแดนมาหลายปีแล้ว สันทัดในการรบ สามารถนำทัพไปต่อสู้กับพวกโจรที่เจียงวูได้"

ซึ่งเป่ยจิ้งอ๋องที่เขาพูดถึงคือท่านอ๋องสิบสาม เย่จั้น แต่คนในวังส่วนใหญ่เต็มใจที่จะเรียกเขาตามยศของเขาเพื่อแสดงความใกล้ชิด

ทันทีที่ชายผู้นั้นพูดจบ เสนาบดีกรมกลาโหมก็ถือฮู่ป่านเดินออกมา

เขายกเสื้อคลุมขึ้น คุกเข่าลงกับพื้นแล้วพูดว่า "กระหม่อมคิดว่าแม่ทัพเหลียงกล่าวถูกต้อง ครั้งหนึ่งเป่ยจิ้งอ๋องเคยยึดเมืองห้าเมืองในเป่ยมู่ต๋า และขยายเมืองไปยังเมืองซุ่ยหาน ทำให้ศัตรูหวาดกลัว หากนำทัพไปออกรบที่เจียงวู จะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน"

ขุนนางอีกคนกล่าวเสริมขึ้นว่า "สิ่งที่เสนาบดีกรมกลาโหมกล่าวมาก็มีเหตุผล เป่ยจิ้งอ๋องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการนำทัพไปเจียงวู"

เย่จิ่งอวี้พูดเบาๆ "ข้าก็มีความคิดนี้เหมือนกัน แต่ไม่นึกว่าเป่ยจิ้งอ๋องจะถูกลอบสังหารเมื่อคืนนี้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าเกรงว่าจะต้องใช้เวลาสิบวันถึงครึ่งเดือนจึงจะหายดี"

ดวงตาของกวนเมิ่งถิงฉายแววประหลาดใจ ก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "ผู้ใดกินหัวใจหมีดีเสือ ถึงกับกล้าลอบทำร้ายเป่ยจิ้งอ๋อง"

"ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน!"

เย่จิ่งอวี้ตบเศียรมังกรด้วยฝ่ามือ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ข้าได้กำหนดวันตอนที่อยู่สนามฝึกแล้วว่าจะยกทัพไปภายในสิบวัน ในเมื่ออันผิงอ๋องไม่สบาย เช่นนั้นข้าก็จะให้เขาอยู่พักผ่อนในจวน เมื่อใดที่อาการดีขึ้น ข้าค่อยสั่งให้คนพาเขาไปส่งที่เจียงวู"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โหวเหนือก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเย่จิ่งเย่าจะไม่สามารถหลบหนีภัยพิบัติทางทหารครั้งนี้ได้

เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้มังกร ขมวดคิ้วถามว่า "ยังมีผู้ใดที่ต้องการถวายฎีกา ถวายด่วน!"

กวนเมิ่งถิงเหลือบมองขุนนางทุกคน แล้วก้มหน้าเดินกลับไปประจำตำแหน่ง

เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดพูด เย่จิ่งอวี้จึงกล่าวเสียงเรียบ "เลิกประชุม!"

ทันทีที่เย่จิ่งอวี้กลับมาที่ห้องหนังสือ เจวี๋ยอิงก็ปรากฏตัวขึ้น

เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงครึ่งหนึ่งกับพื้น กระซิบเสียงเบา "ฝ่าบาท มีข่าวลือว่าฝ่าบาทต้องการทำร้ายท่านอ๋องสิบสาม!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์