สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 294

ตอนที่เย่จั้นกลับไปถึงจวนอ๋อง กวนเซี่ยวก็ฟื้นขึ้นพอดี

เมื่อเห็นชายชุดขาวนั่งอยู่ข้างๆ กวนเซี่ยวตกใจเล็กน้อย

“ท่านอ๋อง?”

เย่จั้นพยักหน้า

“คุณชายน้อยไปอยู่ที่เรือนจุ้ยหงได้อย่างไร?”

หัวสมองของกวนเซี่ยวมึนงงเล็กน้อย ใช้เวลาสักพักหนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไปเรือนจุ้ยหงเพื่อพบอินสิงอวิ๋น สุดท้ายดื่มกับฟางรั่วเพียงไม่กี่แก้ว เขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

เหตุใดฟางรั่วต้องทำเช่นนี้?

นางวางยาตัวเองด้วยเหตุผลอะไร?

ความคิดวนเวียนอยู่ในใจของเขา แต่เขากลับยิ้มอย่างเขินอาย

“ไม่ปิดบังท่านอ๋อง ข้ามีคนรักอยู่ที่เรือนจุ้ยหง ครั้งนี้ข้าอยากไปพบนาง”

เย่จั้นลุกขึ้นยืน และเดินมาที่ข้างเตียง ถามขึ้นด้วยสายตาที่บีบเคล้น “ก่อนหน้านี้เรือนจุ้ยหงถูกปิด เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณชายน้อยต้องรู้อยู่แล้ว เหตุผลนี้ไม่รู้สึกเหมือนการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เลยหรือ?”

กวนเซี่ยวลุกขึ้นนั่ง พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด “รู้แน่นอน แต่ข้ายังอยากไปดูจริงๆ”

“ดูอะไร? ทั้งที่คุณชายน้อยรู้ว่าคนในเรือนจุ้ยหงถูกจับไปที่กรมยุติธรรมหมดแล้ว หรือว่ายังมีคนที่เรือนจุ้ยหงที่ทำให้คุณชายน้อยเป็นห่วง?”

เย่จั้นสายตานิ่งสงบ น้ำเสียงก็ไม่เย็นยะเยือก กวนเซี่ยวยังคงรู้สึกราวกับมีภูเขาใหญ่ทับหัวไว้ นั่นก็คือความกดดันของนักรบ

แม้กวนเซี่ยวจะมีวิทยายุทธอยู่บ้าง แต่หากเทียบกับเย่จั้นที่ผ่านสงครามมานับร้อยครั้ง ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ไม่มีอะไร ข้าแอบรักแม่นางโคมเขียวในเรือนจุ้ยหงมาโดยตลอด แต่ข้าเองก็รู้ว่า ท่านปู่ไม่อนุญาตให้ข้าแต่งงานกับคนแบบนี้ ดังนั้นข้าจึงเป็นห่วงและอดใจไม่ไหวที่จะกลับไปดู...”

กวนเซี่ยวก้มหน้าลง ใบหน้าแดงก่ำ

เย่จั้นจ้องเขานิ่งๆ ราวกับสายตาที่แหลมคมจะจ้องผ่านทะลุเข้าไปในหัวใจของกวนเซี่ยว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงโดนวางยาได้?”

“คือ… ข้าเองก็ไม่แน่ใจ จู่ๆ ข้าก็เห็นเพียงความมืด และไม่รู้สึกตัวอีกเลย”

กวนเซี่ยวทำสีหน้าฉงนสนเท่ห์ เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดฟางรั่วจึงวางยาสลบใส่เขา

สำหรับเรื่องนี้ เย่จั้นยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

เมื่อถามเกี่ยวกับเรื่องในเรือนจุ้ยหง กลับมองไม่เห็นว่ามีช่องโหว่อะไร และเมื่อคำนึงถึงจอมพลเฒ่า เขาครุ่นคิดชั่วครู่แล้วพูดขึ้นว่า “อีกไม่กี่วันคนที่เรือนจุ้ยหงก็จะถูกปล่อยตัว คุณชายน้อยอย่าเพิ่งกลับไปเลยดีกว่า จอมพลเฒ่าก็ชราภาพลงเรื่อยๆ ตรงหน้าเขามีเจ้าเพียงคนเดียว อย่าทำให้เขาต้องเป็นกังวลนักเลย”

กวนเซี่ยวรีบค้อมตัวลงและพูดว่า “ขอบพระทัยท่านอ๋อง กวนเซี่ยวน้อมรับคำสอน”

เย่จั้นส่งเสียงตอบรับ “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ก็รีบกลับจวนเสียเถอะ เพื่อไม่ให้ท่านแม่ทัพเฒ่าวุ่นวายใจที่หาเจ้าไม่พบ”

“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นข้าขอทูลลา”

กวนเซี่ยวใส่รองเท้าและเดินลงพื้น เขายังคงเดินลอยเบาหวิว ราวกับว่าฝ่าเท้าของเขาไม่มีแรงเสียอย่างนั้น

เย่จั้นถามขึ้นตามหลังเขา “ต้องการให้ข้าเรียกคนไปส่งหรือไม่?”

กวนเซี่ยวรีบพูดขึ้น “ไม่ต้องพ่ะย่ะค่ะ ข้าเดินเองได้”

พูดจบก็เดินตัวลอยออกไปนอกประตู

เมื่อนึกได้ว่าเขามีเชื้อสายของจอมพลเฒ่ากวน วรยุทธ์การต่อสู้คงไม่แย่ทีเดียว เย่จั้นจึงไม่ได้ยืนกรานอะไร

เพียงครู่เดียว กวนเซี่ยวก็ออกจากจวนอ๋องไป

ตรงนี้ห่างจากจวนจอมพลเพียงหนึ่งเส้นถนน แต่ทว่ามีระยะทางถึงหลายสิบฟุต

เขาเดินช้าลง และค่อยๆ เดินไปยังบ้านของเขา ในใจเกิดความคิดที่ไม่แน่นอนบางอย่างขึ้นมา

ทันทีที่เลี้ยวผ่านถนนเส้นนี้ ชายคนหนึ่งสวมหมวกงอบก็เดินมาหาเขา และเขาก็กดไหล่ของกวนเซี่ยวไว้

กวนเซี่ยวเปลี่ยนสีหน้าทันที ยกมือไปจับข้อแขนของเขา แต่คนนั้นกลับพูดขึ้นเสียงเบาว่า “ข้าเอง”

“คุณชายใหญ่อิน?”

อินสิงอวิ๋นถอดหมวกงอบออก และเผยใบหน้าที่หล่อเหลาออกมา

“ไปกับข้า ข้ามีเรื่องเจรจาด้วย”

“ขอรับ”

กวนเซี่ยวเชื่อใจเขาอย่างไม่มีข้อสงสัย อย่างไรเสียอินสิงอวิ๋นก็ถูกปล่อยจากจวนจอมพลด้วยฝีมือของเขาเอง

ไม่คิดว่าจะตรงกลับมาเข้าดงหมาป่า...

ณ พระราชวัง

อินชิงเสวียนได้เข็นเสี่ยวหนานเฟิงกลับไปที่ตำหนักจินหวู

ขันทีในวังและข้าหลวงหญิงเห็นเหยาเฟยเหนียงเหนียงกลับมาแล้ว ต่างก็พากันตกใจ รีบคุกเข่าลงด้วยความลนลาน

“พวกหม่อมฉันขอถวายบังคมเหยาเฟยเหนียงเหนียง”

ระหว่างทาง อวิ๋นฉ่ายนำเรื่องที่เสี่ยวอานจื่อถูกทำร้ายบอกกับอินชิงเสวียน เมื่อเห็นคนเหล่านี้ อินชิงเสวียนก็ทำสีหน้าเย็นชาทันที

นางไม่มีเจตนาทำให้ใครต้องอึดอัดใจ แต่ก็ไม่สามารถทนเห็นคนสนิทของตัวเองถูกรังแกเช่นนี้

“ข้าได้ยินมาว่า ช่วงนี้พวกเจ้ายุ่งอยู่กับการหาทางออกของตัวเอง ข้าคิดว่าจะหานายหญิงกันได้แล้วนะ”

พวกเขาตกใจจนพากันก้มหน้าคำนับไม่หยุด

“พวกหม่อมฉันไม่กล้า”

“ไม่กล้า?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์