ระหว่างที่พูด เย่จั้นก็เดินเข้ามาจากด้านนอกแล้ว
ประสานมือคำนับและพูดว่า “ขอถวายบังคมฝ่าบาท!”
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วพูด “ไม่ต้องมากพิธี เสด็จอารีบร้อนเข้ามาในวัง มีข่าวคราวอะไรหรือไม่?”
“กระหม่อมทำงานไม่สำเร็จราบรื่น และจับพรรคพวกของอาซือหลานไม่ได้ อาโฉ่วก็ไม่ได้กลับจวนเสนามาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว คาดว่าเป็นเพราะถูกเปิดเผยตัวตน จึงได้หนีไปแล้ว หากหวังซุ่นที่เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัวยังอยู่ข้างกายอาซือหลาน คิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะจับตัวเข้าได้”
เย่จั้นลดสายตาลงต่ำ สีหน้ารู้สึกผิด
เย่จิ่งอวี้เข้าใจในทันที
“ความหมายของเสด็จอาก็คือ พวกเขาปลอมตัวเป็นคนได้งั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินคำนี้ อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงจะจับตัวได้ยากจริงๆ
หากไม่รีบจัดการอาซือหลานให้สิ้น ผู้คนก็จะเกิดอันตรายได้
แม้แต่เสือก็ยังงีบหลับได้ ต่อให้คุ้มกันเข้มงวดเพียงใด ก็อาจเกิดความประมาทขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ระหว่างที่ครุ่นคิด ก็ได้ยินเย่จั้นพูดว่า “เป็นจริงดังนั้น”
เย่จิ่งอวี้จับที่สันจมูกอย่างอดไม่ได้ เกิดความกลัดกลุ้มในใจขึ้นมาก
เมื่อเห็นคิ้วของเขาไม่คลายลง อินชิงเสวียนลังเลครู่หนึ่งและถามขึ้น “หม่อมฉันหลอกล่ออาซือหลานให้ติดกับได้ เขาใช้หน้าตาของพี่ชายข้ามาตลอด หากพบว่าข้าปรากฏตัว จะต้องออกมาพบข้าแน่นอน”
สำหรับเรื่องนี้ นางแน่ใจเป็นอย่างมาก
อย่างไรเสียอาซือหลานก็เคยบอกชอบนาง และบอกว่าจะส่งนางกลับไปที่เจียงวู
“ไม่ได้ ตอนนี้เขาได้เปิดเผยตัวตนแล้ว อาจจะไม่ยอมมาพบเจ้าเหมือนเมื่อก่อน”
เย่จิ่งอวี้ปฏิเสธในทันที เขาไม่อยากให้อินชิงเสวียนไม่เสี่ยงอันตราย
อินชิงเสวียนส่งลูกน้อยให้กับอวิ๋นฉ่าย เพื่อให้พวกเขาออกไปก่อน
เมื่อพวกเขาออกไปแล้ว นางก็พูดขึ้นว่า “หม่อมฉันก็เป็นส่วนหนึ่งของต้าโจว ในเมื่อเกิดในต้าโจว ก็ควรทำประโยชน์แก่ต้าโจวบ้าง หากปล่อยให้อาซือหลานลอยนวลต่อไป ไม่แน่ว่าข้าราชการอีกจำนวนมากต้องโดนลอบทำร้าย ตอนนี้ผู้คนก็ตื่นตระหนกแล้ว หากไม่รีบคืนความมั่นคง อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดได้ ฝ่าบาทได้โปรดรีบตัดสินใจด้วยเพคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดที่หนักแน่นของอินชิงเสวียน หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็พลุ่งพล่านขึ้นมา
ผู้หญิงคนหนึ่งที่รักประเทศชาติได้มากมายขนาดนี้ เหล่าขุนนางใหญ่กลับปากหวานก้นเปรี้ยว แต่ละคนมีเลศนัยแฝงไว้ด้วยเจตนาที่มิดีมิร้าย
เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว นอกจากความรักที่เขามีต่ออินชิงเสวียน ยังมีความเคารพต่อนางอีกไม่น้อย
เย่จั้นก็เหลือบมองไปที่อินชิงเสวียน หญิงผู้นี้มีความกล้าหาญเหนือใคร เปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตา ถือเป็นคู่สร้างคู่สมที่เหมาะกับหลานชายของเขาทีเดียว
เพียงแค่ทุกครั้งที่เห็นใบหน้านี้ กลับรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในใจ
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “หากไม่มีหนทางอื่นแล้วจริงๆ พวกเราก็คงต้องลองเสี่ยงดู ตอนนี้ศัตรูอยู่ในที่ลับ แต่เราอยู่ในที่แจ้ง หากพวกเขาพุ่งเป้าหมายมาที่ขุนนาง คงยากที่จะป้องกันจริงๆ”
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วแน่น และไม่ได้พูดอะไร
หากประเทศชาติต้องให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาปกป้อง ถือว่าประมุขอย่างเขาทำหน้าที่ได้ล้มเหลวอย่างมาก
อินชิงเสวียนพูดขึ้นอีกว่า “ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฝ่าบาทได้โปรดรีบทำการตัดสินใจ หม่อมฉันขอรับประกันว่าจะกลับวังด้วยความปลอดภัย”
เธอมีนิ้วทองอันทรงพลังในมิติ และการหลบหนีไม่ใช่ปัญหาเลย
เย่จิ่งอวี้กลับไม่ยอมให้นางไปเสี่ยงอันตรายอีก
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดเสียงเข้มว่า “ในเมื่อพวกเขาอยากสังหารข้า เช่นนั้นข้าจะออกจากวังด้วยตัวเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...