เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งใจ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ พูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าก็จะให้เสด็จอาไปช่วยปกป้องเจ้า แต่เจ้าต้องระวังด้วย เมื่อเจ้ากลับถึงวังแล้ว ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นกุ้ยเฟย เพื่อเป็นการให้รางวัลแก่เจ้า”
อินชิงเสวียนตกใจ รีบเอ่ยขึ้นทันควัน “หม่อมฉันเพียงต้องการให้ราษฎรในต้าโจวสงบสุข ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากภัยสงคราม ไม่เคยคิดที่จะใช้สิ่งนี้เพื่อไต่เต้าสู่ตำแหน่งสูงเพคะ”
ยิ่งนางอยู่ในตำแหน่งที่สูงก็ยิ่งมีคนอิจฉามากขึ้นเท่านั้น และยากจะหลุดพ้น ตอนนี้ตำแหน่งสนมขั้นเฟยก็สูงพอควรแล้ว นางก็ไม่มีความตั้งใจที่จะปีนขึ้นไปต่อ
เย่จิ่งอวี้จับมือนางแล้วพูดอย่างอบอุ่น “ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นมาก่อน เรื่องนี้สำหรับข้าแล้ว นี่เป็นเพียงโอกาสที่เหมาะสม เดิมทีเจ้าควรจะเป็นไทเฮาของข้าด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว”
อินชิงเสวียนยื่นมือออกมา โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วพูดว่า “หม่อมฉันไม่รู้สึกเสียใจเลย ตอนนี้ทุกอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ขอฝ่าบาทถอนความคิดเมื่อครู่ อย่าแต่งตั้งเป็นหวงกุ้ยเฟยเลยเพคะ”
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างไม่พอใจ “เจ้ากลัวอะไร ตราบใดที่มีข้าอยู่ ก็ไม่มีใครในวังกล้าแตะต้องเจ้า”
อินชิงเสวียนไม่ได้กลัวอยู่แล้ว ด้วยพลังมิติเสริมแกร่งห้านาทีก็เพียงพอที่จะกวาดล้างทั้งวังหลัง แต่ไม่ต้องการสร้างปัญหาอีกก็เท่านั้น
เมื่อเห็นว่านางไม่พูด เย่จิ่งอวี้ก็พูดว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว ก็ให้เป็นไปตามนี้”
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะพูด เย่จั้นก็ได้เดินเข้ามาจากด้านนอก
“กระหม่อมถวายบังคม”
เย่จิ่งอวี้ยกมือเหมือนจะประคองเขาขึ้น “เสด็จอาตามเชิญสบาย เชื่อว่าเสด็จอาคงได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงมาแล้ว”
เย่จั้นพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ยินมาว่าขุนนางราชสำนักเสียชีวิตสองคนตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว ฝ่าบาทมีเบาะแสใดหรือไม่”
เย่จิ่งอวี้ถอนหายใจเบาๆ “ยังเลย ฉะนั้นข้าจึงอยากให้เสด็จอาอยู่ต่ออีกสักหลายๆ วัน”
เย่จั้นเข้าใจทันที “ฝ่าบาทต้องการใช้ค่ายเปลวเพลิงสีชาด?”
เย่จิ่งอวี้คลี่ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เสด็จอารู้ใจข้าจริงๆ ข้ายังมีอีกเรื่องที่จะขอรบกวนเสด็จอา”
“ฝ่าบาทเชิญตรัสมาได้เลย”
“เมื่อหลายวันก่อนเสวียนเอ๋อร์ได้เสนอเรื่องการศึกษาและผลิตดินปืนกับข้า เพื่อสยบกองทัพทหารเจียงวู ข้าได้นำสิ่งที่นางต้องการมาแล้ว แต่สิ่งนี้จำเป็นต้องไปทำการทดลองนอกวังหลวง ซึ่งคนเดียวที่ข้าไว้ใจได้ในตอนนี้คือเสด็จอา”
เย่จิ่งอวี้ตบกล่องทั้งสี่กล่อง เย่จั้นอดกังขาเสียมิได้
ทำไมไม่ได้พบกันแค่วันเดียว ถึงเกิดความคิดเรื่องดินปืนขึ้นมาได้?
เย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “จะเป็นของที่มีลักษณะอย่างไรนั้น ข้าก็ไม่ทราบ ทำได้เพียงรอข่าวดีจากเสวียนเอ๋อร์ในวังเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเย่จิ่งอวี้เรียกนางอย่างสนิทสนมเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจพอสมควร
ไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “หม่อมฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างสิ่งนี้ให้สมบูรณ์แบบเพคะ”
เย่จั้นถามว่า “พระสนมเหยาเฟยเตรียมจะออกจากวังเมื่อใด ข้าพอจะรู้จักพื้นที่โล่งอยู่บ้าง อยู่ทางทิศเหนือแถบชานเมือง บริเวณใกล้ๆ มีเพียงสองสามครัวเรือน บางทีข้าอาจซื้อบ้านได้”
เย่จิ่งอวี้พูดพร้อมกับเอามือไพล่หลัง “ถ้าสามารถซื้อได้ก็เป็นเรื่องดีที่สุด เรื่องนี้จะต้องไม่ถูกเปิดเผยออกไป ข้าสงสัยมาโดยตลอดว่าในราชสำนักมีหนอนบ่อนไส้ของเจียงวูอยู่ ตอนนี้มีเพียงเราสามคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เมื่อสิ่งนี้สำเร็จ ก็จะส่งไปที่ด่านถงกู่ทันที”
“เจียงวูบีบเค้นกันทุกด้าน เป็นอันตรายต่อพวกเรามาก ในเมื่อท่านอ๋องสามารถหาสถานที่สำหรับการทดลองได้ ก็ควรรีบออกจากวังโดยเร็วเถอะ”
เมื่อเห็นเค้าหน้าอันสง่าผ่าเผยของอินชิงเสวียน เย่จั้นก็อดไม่ได้ที่จะชมเชย “แน่นอนว่าพ่อเสือไม่ได้ให้กำเนิดลูกสุนัข ข้าจะปกป้องความปลอดภัยของเจ้าเอง”
อินชิงเสวียนรีบโค้งคำนับ พูดว่า “ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือข้างที่สวมธำมรงค์นิ้วหัวแม่มือหยกออกมา และกดลงบนไหล่ของเย่จั้นหนักๆ
“ข้าจะรอข่าวดีจากพวกเจ้า”
อย่างไรก็ตาม อินชิงเสวียนก็ยังคงเป็นห่วงเสี่ยวหนานเฟิง
“หม่อมฉันไม่ได้อยู่ในวัง หวังว่าฝ่าบาทจะมีคำสั่งห้าม ยกเว้นอวิ๋นฉ่ายและยายหลี่แล้ว ก็ห้ามผู้ใดเข้าใกล้จ้าวเอ๋อร์อีก”
เย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้เจ้าวางใจได้เลย ข้าจะปกป้องลูกของเราอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินเขาพูดคำว่า ‘ของเรา’ ใบหน้าของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
“เช่นนั้นก็ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”
สิบห้านาทีต่อมา อินชิงเสวียนได้เปลี่ยนเป็นชุดลำลอง และออกจากวังพร้อมกับเสี่ยวอานจื่อ
การเดินทางครานี้ได้รับการคุ้มครองโดยเย่จั้น ซึ่งทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างยิ่ง
นอกจากสวะเย่จิ่งเย่าคนนั้นแล้ว เหล่าบุรุษในตระกูลเย่ต่างก็มีความสามารถพร้อมด้วยบุ๋นและบู๊ โดยเฉพาะเย่จั้น ซึ่งเป็นผู้นำกองทัพต่อสู้มาหลายปี ดังนั้นการปกป้องนางจึงไม่ใช่ปัญหา ยิ่งกว่านั้นอินชิงเสวียนก็สามารถใช้ระบบแลกเปลี่ยนพลังได้ด้วย นางไม่ใช่ไก่อ่อนคนที่เพิ่งข้ามเวลามาอีกแล้ว
ทุกคนออกจากประตูเมืองทางทิศเหนือ ไม่นานก็มาถึงทางด้านเหนือของชานเมือง มีพงป่าเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ แต่กลับยังไม่ได้กลายเป็นทุ่งนา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...