สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 252

สรุปบท บทที่ 252 พยายามจนสุดความสามารถ: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่ 252 พยายามจนสุดความสามารถ จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 252 พยายามจนสุดความสามารถ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ณ ตำหนักจินหลวน

กวนเมิ่งถิงถือฮู่ป่านไว้ในมือ ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “คืนวานนี้นอกจากซูฮ่วนผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการแล้ว ก็ยังมีอธิบดีสำนักฮั่นหลินที่ถูกลอบสังหารจนถึงแก่ชีวิตด้วย ตอนนี้ผู้คนต่างตื่นตระหนก ขอทรงโปรดวินิจฉัยโดยเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งตระหง่านบนบัลลังก์มังกร ใบหน้าสลักเสลามืดมนดั่งวังวนน้ำลึก โมราสีแดงที่อยู่บนมาลามุงกุฎโยกไหวเบาๆ แสดงถึงความโกรธเคืองที่อยู่ภายในใจ

เดิมทีการประชุมเช้านี้ต้องการคุยเรื่องเจียงวู ไม่นึกว่าจะได้ยินข่าวร้ายนี้

เขากำที่วางแขนของบัลลังก์มังกรอย่างแรง ทำให้เส้นเลือดที่หลังมือปรากฏชัด แล้วจึงถามด้วยเสียงทุ้มลึก “ผู้ว่าการศาลต้าหลี่อยู่ที่ใด”

ชายวัยกลางคนที่อายุราวๆ สี่สิบปีเดินออกมาจากเหล่าบรรดาขุนนาง คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวว่า “หลังจากที่กระหม่อมทราบเรื่องนี้ ก็ได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว เชื่อว่าคงจะทราบผลในอีกไม่กี่วันพ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดอย่างเย็นชา “อีกไม่กี่วันคือกี่วัน ข้าขอเวลาที่แม่ยำด้วย”

ผู้ว่าการศาลต้าหลี่รีบพูดทันทีว่า “กระหม่อมขอเวลาสามวัน ภายในสามวัน จะต้องสืบหาตัวฆาตกรเหล่านี้มาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เอาล่ะ ข้าให้เวลาท่านสามวัน เริ่มตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปจะคำสั่งห้ามออกนอกบ้านในยามค่ำคืนสามวัน ผู้ใดก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเมือง”

ผู้ว่าการศาลต้าหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา กระหม่อมจะสั่งการลงไป ผู้ใดที่เข้าเมือง ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด”

เย่‍จิ่ง‍อวี้เหลือบมองเขาด้วยแววตาคมกริบ แล้วกล่าวว่า “เสนาบดีกรมพระคลังอยู่ที่ใด”

หานสือเดินออกไป “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวอย่างเย็นชา “สั่งให้หน่วยงานของท่านตรวจสอบประชากรในเมืองหลวงอย่างเข้มงวดทันที หากมีผู้ต้องสงสัย ให้ส่งไปยังกรมยุติธรรม”

หานสือตอบรับอย่างนอบน้อม “กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ลุกขึ้นยืน กวาดสายตามองเหล่าขุนนางด้วยแววตาคมกริบ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีการพิจารณาเรื่องอื่นใดในการประชุมเช้าอีก อีกจนกว่าจะพบตัวฆาตกร”

เหล่าขุนนางโค้งคำนับทันที “พวกกระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”

เย่‍จิ่ง‍อวี้สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากตำหนักจินหลวนไปทันที

ครั้นแล้วก็มีร่างหนึ่งได้ตามมาจากความมืด

“ฝ่าบาท”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามโดยไม่หันกลับมามอง “เจ้าสืบอะไร”

เจวี๋ยอิ่งก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “กระหม่อมจับตาดูฟางรั่วอยู่ตลอด ช่วงนี้นางพักอยู่ที่เรือนจุ้ยหง ไม่ได้ติดต่อกับผู้ใดเลย”

“กวนเซี่ยวกับกวนลี่จือล่ะ เคยไปหานางหรือไม่”

“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ราวกับกวนลี่จือจะไม่รู้ว่าฟางรั่วอยู่ในเรือนจุ้ยหง อีกทั้งระยะนี้กวนเซี่ยวก็ไม่ได้ออกจากจวนจอมพล”

ฝีเท้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้ช้าลงทันที

“หรือว่า เรากำลังไปผิดทาง? “

เมื่อนึกถึงท่าทางตื่นเต้นตอนที่อินชิงเสวียนบอกว่ามีคนต้องการเมล็ดพันธุ์ อีกทั้งยังมีเท่าที่ต้องการ เด็กนั่นรักเงินยิ่งชีพ นางคงไม่โกหกตัวเองในเรื่องนี้หรอกกระมัง ครั้นแล้วเขาก็ฉุกคิดถึงเรื่องอื่นขึ้นได้

เรื่องเมล็ดพันธุ์อาจเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น!

จุดประสงค์ของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ใช้สิ่งนี้เพื่อหันเหความสนใจของตัวเอง แฝงตัวนักฆ่าจำนวนมากเข้ามาในเมืองหลวง เข่นฆ่าเจ้าหน้าที่ขุนนาง ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่อกสั่นขวัญแขวน

ช่างแผนการสับขาหลอกที่เยี่ยมจริงๆ!

เย่‍จิ่ง‍อวี้ค่อยๆ ยกมุมปากบางเฉียบขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มอันเย็นชา

“จับตามองสตรีผู้นั้นต่อไป ข้าไม่เชื่อว่านางจะอยู่เฉยได้ตลอดไป ส่วนคนที่เหลือให้ตรวจสอบผู้ที่เข้ามาในเมืองเหลืองในช่วงสิบวันที่ผ่านมาอย่างเต็มที่ หากคนผู้ใดมีตัวตนอันเป็นเท็จ ให้จับตัวไว้ทันที”

ดูเหมือนเจวี๋ยอิ่งจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาประกบมือคำนับพูดว่า “กระหม่อมขอทูลลา”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ส่งเสียงอืมรับคำเบาๆ แล้วหยุดชั่วขณะ

“หลี่เต๋อฟู ไปถ่ายทอดคำสั่งให้เสด็จอาเข้าวัง เกรงว่าเขาต้องอยู่ต่ออีกสักพักถึงจะเดินทางไปได้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เรื่องใหญ่เช่นนี้ หลี่เต๋อฝูตระหนักถึงความสำคัญเป็นอย่างดี เขารับคำสั่ง แล้วพาคนออกจากวังทันที

เย่‍จิ่ง‍อวี้เดินเหินไปอย่างรวดเร็ว และมาถึงห้องหนังสือในพริบตา

ซูฉ่ายเวยยืนอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็คุกเข่าลงทันที

“อืม ร้ายแรงมากจริงๆ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ปล่อยมือ แล้วเดินเข้าไปในห้องหนังสือด้วยฝีเท้าหนักอึ้ง

อินชิงเสวียนเดินตามเขาเข้ามา รินชาใส่ถ้วยให้เขา

“ฝ่าบาททรงมีเบาะแสอะไรหรือไม่เพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้สงบใจมั่นคง แล้วพูดอย่างแช่มช้า “ยุ่งเหยิงไปหมดเลย เรื่องเจียงวูยังไม่ได้แก้ไข ในเมืองหลวงยังมาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ตอนนี้เจ้าหน้าที่ขุนนางตกอยู่ในอันตราย ราษฎรย่อมตกอยู่ในความหวาดกลัวเช่นกัน”

อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าสถานการณ์ปัจจุบันวุ่นวายมากพอแล้ว

มองเย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้ว แล้วจึงพูดว่า “ตราบใดที่เป็นปัญหา ถึงอย่างไรก็มีทางแก้ไขอยู่เสมอ ในเมืองหลวงก็ยังมีแม่ทัพอยู่จำนวนมาก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเสริมกำลังในการป้องกันเมืองก่อน จากนั้นค่อยหาตัวฆาตกร”

“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ข้าให้เสด็จอาเข้าวังมาแล้ว มีค่ายเปลวเพลิงสีแดงของเขาอยู่ที่นี่ ข้าก็รู้สึกสบายใจได้”

เย่‍จิ่ง‍อวี้วางถ้วยชาลง แล้วขันทีน้อยก็เข้ามาช่วยถอดมาลามงกุฎออก

อินชิงเสวียนถามอีกครั้ง “ไม่ทราบว่าพบดินประสิว กำมะถัน และวัสดุอื่นๆ หรือยังเพคะ”

“กรมโยธาเก็บมาได้บ้างแล้ว ข้าสั่งให้พวกเขาส่งตัวอย่างมาแล้ว กำลังจะไปหาเจ้า เจ้าก็มาหาได้จังหวะพอดี”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยืนขึ้น เดินไปข้างโต๊ะ และเปิดกล่องสี่กล่องที่วางอยู่บนโต๊ะ

“เจ้าลองดู ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรือไม่”

อินชิงเสวียนเดินไปที่กล่อง

เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวว่า “ของพวกนี้ก็คือแร่กำมะถัน ดินประสิว ถ่าน และหรดาล”

อินชิงเสวียนไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับแร่กำมะถันมากนัก แต่สำหรับดินประสิวก็พอจะยืนยันได้ว่าไม่ผิดแน่ มีผลึกสีขาวอยู่บนชั้นดิน ส่วนหรดาลมีลักษณะเป็นผงแป้ง สีเหลืองเป็นมัน และส่วนที่เหลือเป็นถ่านที่เพิ่งถูกเผามาได้พอดี

“จะใช่หรือไม่ ประเดี๋ยวทดลองดูก็รู้ เพียงแต่ว่าสิ่งนี้มีพลังที่น่าตกใจมาก ต้องออกจากวังไปทดลองในสถานที่โล่งแจ้งเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่เหมาะ สถานการณ์นอกวังหลวงกำลังวุ่นวาย หากเจ้าออกไปในยามนี้จะไม่ปลอดภัย ข้าสั่งให้คนอื่นไปทดลองก่อนก็ได้”

อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คนอื่นยังไม่เคยอ่านตำรา หากมีข้อผิดพลาด อาจทำผู้คนบาดเจ็บล้มตายได้ ให้หม่อมฉันไปเองจะเหมาะสมกว่า อีกอย่างหม่อมฉันก็เป็นส่วนหนึ่งของต้าโจว ขณะนี้วิกฤตของบ้านเมืองกำลังใกล้เข้ามาแล้ว หม่อมฉันจะพยายามทำเพื่อต้าโจวอย่างสุดความสามารถเพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์