สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 252

ณ ตำหนักจินหลวน

กวนเมิ่งถิงถือฮู่ป่านไว้ในมือ ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “คืนวานนี้นอกจากซูฮ่วนผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการแล้ว ก็ยังมีอธิบดีสำนักฮั่นหลินที่ถูกลอบสังหารจนถึงแก่ชีวิตด้วย ตอนนี้ผู้คนต่างตื่นตระหนก ขอทรงโปรดวินิจฉัยโดยเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งตระหง่านบนบัลลังก์มังกร ใบหน้าสลักเสลามืดมนดั่งวังวนน้ำลึก โมราสีแดงที่อยู่บนมาลามุงกุฎโยกไหวเบาๆ แสดงถึงความโกรธเคืองที่อยู่ภายในใจ

เดิมทีการประชุมเช้านี้ต้องการคุยเรื่องเจียงวู ไม่นึกว่าจะได้ยินข่าวร้ายนี้

เขากำที่วางแขนของบัลลังก์มังกรอย่างแรง ทำให้เส้นเลือดที่หลังมือปรากฏชัด แล้วจึงถามด้วยเสียงทุ้มลึก “ผู้ว่าการศาลต้าหลี่อยู่ที่ใด”

ชายวัยกลางคนที่อายุราวๆ สี่สิบปีเดินออกมาจากเหล่าบรรดาขุนนาง คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวว่า “หลังจากที่กระหม่อมทราบเรื่องนี้ ก็ได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว เชื่อว่าคงจะทราบผลในอีกไม่กี่วันพ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดอย่างเย็นชา “อีกไม่กี่วันคือกี่วัน ข้าขอเวลาที่แม่ยำด้วย”

ผู้ว่าการศาลต้าหลี่รีบพูดทันทีว่า “กระหม่อมขอเวลาสามวัน ภายในสามวัน จะต้องสืบหาตัวฆาตกรเหล่านี้มาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เอาล่ะ ข้าให้เวลาท่านสามวัน เริ่มตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปจะคำสั่งห้ามออกนอกบ้านในยามค่ำคืนสามวัน ผู้ใดก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเมือง”

ผู้ว่าการศาลต้าหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา กระหม่อมจะสั่งการลงไป ผู้ใดที่เข้าเมือง ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด”

เย่‍จิ่ง‍อวี้เหลือบมองเขาด้วยแววตาคมกริบ แล้วกล่าวว่า “เสนาบดีกรมพระคลังอยู่ที่ใด”

หานสือเดินออกไป “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวอย่างเย็นชา “สั่งให้หน่วยงานของท่านตรวจสอบประชากรในเมืองหลวงอย่างเข้มงวดทันที หากมีผู้ต้องสงสัย ให้ส่งไปยังกรมยุติธรรม”

หานสือตอบรับอย่างนอบน้อม “กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ลุกขึ้นยืน กวาดสายตามองเหล่าขุนนางด้วยแววตาคมกริบ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีการพิจารณาเรื่องอื่นใดในการประชุมเช้าอีก อีกจนกว่าจะพบตัวฆาตกร”

เหล่าขุนนางโค้งคำนับทันที “พวกกระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”

เย่‍จิ่ง‍อวี้สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากตำหนักจินหลวนไปทันที

ครั้นแล้วก็มีร่างหนึ่งได้ตามมาจากความมืด

“ฝ่าบาท”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามโดยไม่หันกลับมามอง “เจ้าสืบอะไร”

เจวี๋ยอิ่งก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “กระหม่อมจับตาดูฟางรั่วอยู่ตลอด ช่วงนี้นางพักอยู่ที่เรือนจุ้ยหง ไม่ได้ติดต่อกับผู้ใดเลย”

“กวนเซี่ยวกับกวนลี่จือล่ะ เคยไปหานางหรือไม่”

“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ราวกับกวนลี่จือจะไม่รู้ว่าฟางรั่วอยู่ในเรือนจุ้ยหง อีกทั้งระยะนี้กวนเซี่ยวก็ไม่ได้ออกจากจวนจอมพล”

ฝีเท้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้ช้าลงทันที

“หรือว่า เรากำลังไปผิดทาง? “

เมื่อนึกถึงท่าทางตื่นเต้นตอนที่อินชิงเสวียนบอกว่ามีคนต้องการเมล็ดพันธุ์ อีกทั้งยังมีเท่าที่ต้องการ เด็กนั่นรักเงินยิ่งชีพ นางคงไม่โกหกตัวเองในเรื่องนี้หรอกกระมัง ครั้นแล้วเขาก็ฉุกคิดถึงเรื่องอื่นขึ้นได้

เรื่องเมล็ดพันธุ์อาจเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น!

จุดประสงค์ของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ใช้สิ่งนี้เพื่อหันเหความสนใจของตัวเอง แฝงตัวนักฆ่าจำนวนมากเข้ามาในเมืองหลวง เข่นฆ่าเจ้าหน้าที่ขุนนาง ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่อกสั่นขวัญแขวน

ช่างแผนการสับขาหลอกที่เยี่ยมจริงๆ!

เย่‍จิ่ง‍อวี้ค่อยๆ ยกมุมปากบางเฉียบขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มอันเย็นชา

“จับตามองสตรีผู้นั้นต่อไป ข้าไม่เชื่อว่านางจะอยู่เฉยได้ตลอดไป ส่วนคนที่เหลือให้ตรวจสอบผู้ที่เข้ามาในเมืองเหลืองในช่วงสิบวันที่ผ่านมาอย่างเต็มที่ หากคนผู้ใดมีตัวตนอันเป็นเท็จ ให้จับตัวไว้ทันที”

ดูเหมือนเจวี๋ยอิ่งจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาประกบมือคำนับพูดว่า “กระหม่อมขอทูลลา”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ส่งเสียงอืมรับคำเบาๆ แล้วหยุดชั่วขณะ

“หลี่เต๋อฟู ไปถ่ายทอดคำสั่งให้เสด็จอาเข้าวัง เกรงว่าเขาต้องอยู่ต่ออีกสักพักถึงจะเดินทางไปได้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เรื่องใหญ่เช่นนี้ หลี่เต๋อฝูตระหนักถึงความสำคัญเป็นอย่างดี เขารับคำสั่ง แล้วพาคนออกจากวังทันที

เย่‍จิ่ง‍อวี้เดินเหินไปอย่างรวดเร็ว และมาถึงห้องหนังสือในพริบตา

ซูฉ่ายเวยยืนอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็คุกเข่าลงทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์