ณ ตำหนักจินหลวน
กวนเมิ่งถิงถือฮู่ป่านไว้ในมือ ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “คืนวานนี้นอกจากซูฮ่วนผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการแล้ว ก็ยังมีอธิบดีสำนักฮั่นหลินที่ถูกลอบสังหารจนถึงแก่ชีวิตด้วย ตอนนี้ผู้คนต่างตื่นตระหนก ขอทรงโปรดวินิจฉัยโดยเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้นั่งตระหง่านบนบัลลังก์มังกร ใบหน้าสลักเสลามืดมนดั่งวังวนน้ำลึก โมราสีแดงที่อยู่บนมาลามุงกุฎโยกไหวเบาๆ แสดงถึงความโกรธเคืองที่อยู่ภายในใจ
เดิมทีการประชุมเช้านี้ต้องการคุยเรื่องเจียงวู ไม่นึกว่าจะได้ยินข่าวร้ายนี้
เขากำที่วางแขนของบัลลังก์มังกรอย่างแรง ทำให้เส้นเลือดที่หลังมือปรากฏชัด แล้วจึงถามด้วยเสียงทุ้มลึก “ผู้ว่าการศาลต้าหลี่อยู่ที่ใด”
ชายวัยกลางคนที่อายุราวๆ สี่สิบปีเดินออกมาจากเหล่าบรรดาขุนนาง คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวว่า “หลังจากที่กระหม่อมทราบเรื่องนี้ ก็ได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว เชื่อว่าคงจะทราบผลในอีกไม่กี่วันพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างเย็นชา “อีกไม่กี่วันคือกี่วัน ข้าขอเวลาที่แม่ยำด้วย”
ผู้ว่าการศาลต้าหลี่รีบพูดทันทีว่า “กระหม่อมขอเวลาสามวัน ภายในสามวัน จะต้องสืบหาตัวฆาตกรเหล่านี้มาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เอาล่ะ ข้าให้เวลาท่านสามวัน เริ่มตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปจะคำสั่งห้ามออกนอกบ้านในยามค่ำคืนสามวัน ผู้ใดก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเมือง”
ผู้ว่าการศาลต้าหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา กระหม่อมจะสั่งการลงไป ผู้ใดที่เข้าเมือง ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด”
เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเขาด้วยแววตาคมกริบ แล้วกล่าวว่า “เสนาบดีกรมพระคลังอยู่ที่ใด”
หานสือเดินออกไป “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้กล่าวอย่างเย็นชา “สั่งให้หน่วยงานของท่านตรวจสอบประชากรในเมืองหลวงอย่างเข้มงวดทันที หากมีผู้ต้องสงสัย ให้ส่งไปยังกรมยุติธรรม”
หานสือตอบรับอย่างนอบน้อม “กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืน กวาดสายตามองเหล่าขุนนางด้วยแววตาคมกริบ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีการพิจารณาเรื่องอื่นใดในการประชุมเช้าอีก อีกจนกว่าจะพบตัวฆาตกร”
เหล่าขุนนางโค้งคำนับทันที “พวกกระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
เย่จิ่งอวี้สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากตำหนักจินหลวนไปทันที
ครั้นแล้วก็มีร่างหนึ่งได้ตามมาจากความมืด
“ฝ่าบาท”
เย่จิ่งอวี้ถามโดยไม่หันกลับมามอง “เจ้าสืบอะไร”
เจวี๋ยอิ่งก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “กระหม่อมจับตาดูฟางรั่วอยู่ตลอด ช่วงนี้นางพักอยู่ที่เรือนจุ้ยหง ไม่ได้ติดต่อกับผู้ใดเลย”
“กวนเซี่ยวกับกวนลี่จือล่ะ เคยไปหานางหรือไม่”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ราวกับกวนลี่จือจะไม่รู้ว่าฟางรั่วอยู่ในเรือนจุ้ยหง อีกทั้งระยะนี้กวนเซี่ยวก็ไม่ได้ออกจากจวนจอมพล”
ฝีเท้าของเย่จิ่งอวี้ช้าลงทันที
“หรือว่า เรากำลังไปผิดทาง? “
เมื่อนึกถึงท่าทางตื่นเต้นตอนที่อินชิงเสวียนบอกว่ามีคนต้องการเมล็ดพันธุ์ อีกทั้งยังมีเท่าที่ต้องการ เด็กนั่นรักเงินยิ่งชีพ นางคงไม่โกหกตัวเองในเรื่องนี้หรอกกระมัง ครั้นแล้วเขาก็ฉุกคิดถึงเรื่องอื่นขึ้นได้
เรื่องเมล็ดพันธุ์อาจเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น!
จุดประสงค์ของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ใช้สิ่งนี้เพื่อหันเหความสนใจของตัวเอง แฝงตัวนักฆ่าจำนวนมากเข้ามาในเมืองหลวง เข่นฆ่าเจ้าหน้าที่ขุนนาง ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่อกสั่นขวัญแขวน
ช่างแผนการสับขาหลอกที่เยี่ยมจริงๆ!
เย่จิ่งอวี้ค่อยๆ ยกมุมปากบางเฉียบขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มอันเย็นชา
“จับตามองสตรีผู้นั้นต่อไป ข้าไม่เชื่อว่านางจะอยู่เฉยได้ตลอดไป ส่วนคนที่เหลือให้ตรวจสอบผู้ที่เข้ามาในเมืองเหลืองในช่วงสิบวันที่ผ่านมาอย่างเต็มที่ หากคนผู้ใดมีตัวตนอันเป็นเท็จ ให้จับตัวไว้ทันที”
ดูเหมือนเจวี๋ยอิ่งจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาประกบมือคำนับพูดว่า “กระหม่อมขอทูลลา”
เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงอืมรับคำเบาๆ แล้วหยุดชั่วขณะ
“หลี่เต๋อฟู ไปถ่ายทอดคำสั่งให้เสด็จอาเข้าวัง เกรงว่าเขาต้องอยู่ต่ออีกสักพักถึงจะเดินทางไปได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เรื่องใหญ่เช่นนี้ หลี่เต๋อฝูตระหนักถึงความสำคัญเป็นอย่างดี เขารับคำสั่ง แล้วพาคนออกจากวังทันที
เย่จิ่งอวี้เดินเหินไปอย่างรวดเร็ว และมาถึงห้องหนังสือในพริบตา
ซูฉ่ายเวยยืนอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ก็คุกเข่าลงทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...