เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงหึในลำคอ
"เจ้ารู้จักพูดจริงๆ"
อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ไม่ใช่ว่ากระหม่อมรู้จักพูด แต่เป็นเพราะนับตั้งแต่สมัยโบราณ ขุนนางและแม่ทัพผู้ภักดีมักจะถูกผู้อื่นอิจฉาริษยา กระหม่อมแค่พูดตามความรู้สึก"
เย่จิ่งอวี้พ่นลมหายใจยาว
"แล้วเรื่องของอินสิงอวิ๋นล่ะ จะอธิบายว่าอย่างไร"
เขากำลังพูดถึงตระกูลอินจริงๆ
อินชิงเสวียนรีบจัดระเบียบคำพูดของนางอย่างรวดเร็ว
"กระหม่อมอยู่กับฝ่าบาทมานานแล้ว ได้ยินเรื่องของตระกูลอินมาบ้าง ถ้าตระกูลอินสมรู้ร่วมคิดกับกบฏเจียงวูจริงๆ พวกเขาจะซ่อนหลักฐานการทรยศไว้ที่บ้านได้อย่างไร เชื่อว่าฝ่าบาททรงปรีชา คงคิดถึงข้อนี้แต่แรกแล้ว"
อินชิงเสวียนกล่าวประจบ แล้วพูดต่อว่า "กระหม่อมคิดว่าตระกูลอินต้องถูกคนใส่ร้าย"
เย่จิ่งอวี้ถามเบาๆ "แล้วผู้ใดอยากใส่ร้ายตระกูลอินล่ะ"
"เอ่อ...เรื่องนี้กระหม่อมก็ไม่ทราบ"
เย่จิ่งอวี้มองไปข้างหน้าและพูดว่า "ตระกูลอินไม่เคยเป็นศัตรูกับผู้ใดเลย แม้ว่าจะถูกใส่ร้าย แต่ก็ต้องมีเหตุผลอ้าง"
"ถ้าจะเอ่ยถึงเหตุผลอ้าง เช่นนั้นก็มีมากมาย"
อินชิงเสวียนพูดพร้อมกับแยกนิ้ววิเคราะห์ "บางทีอาจไม่ชอบใต้เท้าอินที่โดดเด่นในด้านการรบ หรือบางทีอาจทนไม่ได้ที่เห็นว่าเขาได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท หรืออาจมีบางคนสมรู้ร่วมคิดกับเจียงวู เจตนาฆ่าล้างตระกูลอิน เพื่อให้สูญเสียศัตรูที่แข็งแกร่ง บางทีพวกเขาอาจทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัว เฮ้อ ความเป็นไปได้มีมากจริงๆ"
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างเหน็บแนม "เจ้าคิดได้ครบทุกด้านจริงๆ"
"ขอบพระทัยสำหรับคำชม"
อินชิงเสวียนกล่าวขอบคุณ แล้วถามอย่างระมัดระวัง "ฝ่าบาทถามถึงตระกูลอิน หรือว่าต้องการสอบสวนเรื่องนี้?"
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว
"เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ เสี่ยวหนานเฟิงเป็นอย่างไรบ้าง"
"ขอบพระทัยที่ทรงห่วงใย กินได้นอนหลับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี!"
อินชิงเสวียนเดินตามไปสองก้าวแล้วพูดว่า "กระหม่อมเพิ่งไปที่หอฉงฮวามา มีนายหญิงหลายคนกำลังทำชุดให้เสี่ยวหนานเฟิง คงถูกส่งไปให้ฝ่าบาททอดพระเนตรในไม่ช้า กระหม่อมคิดว่าชุดของพระสนมหลิงผินนั้นมีรูปแบบสวยงาม เนื้อผ้าก็เยี่ยม เสี่ยวหนานเฟิงใส่แล้วจะต้องสบายตัวมากแน่ๆ"
เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงอืมตอบรับเบาๆ พูดว่า "เมื่อเจ้าชอบ ข้าก็จะเก็บชุดนางไว้ให้"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท"
รับเงินของผู้อื่นต้องช่วยผู้อื่นทำดี อินชิงเสวียนได้กำไรจากซูฉ่ายเวยไม่น้อย ดังนั้นนางจึงต้องพูดแทนนางสักหน่อย
เย่จิ่งอวี้เหลือบมองนางแล้วพูดว่า "ดูเหมือนเจ้าจะชอบหลิงผินมาก?"
อินชิงเสวียนไอแห้งๆ แล้วพูดว่า "พระสนมหลิงผิน...ความจริงแล้วนางดูใช้ได้ทีเดียว"
คนโง่มีเงินเยอะ จะไม่ดึงดูดคนให้ชอบได้อย่างไร
เย่จิ่งอวี้พูดอย่างสบายๆ "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะให้ตำแหน่งสนมขั้นเฟยแก่นาง เชื่อว่าเจ้าจะได้รับผลประโยชน์มากมาย"
อินชิงเสวียนกล่าวอย่างมีความสุข "ฝ่าบาททรงพระปรีชา หลิงผินงดงามมากความสามารถ สามารถรับตำแหน่งพระสนมขั้นเฟยได้อย่างแน่นอน"
เย่จิ่งอวี้พูดเรียบๆ "วังหลังมีไทเฮากุมอำนาจเพียงผู้เดียว จำเป็นต้องเลือกคนที่มาช่วยจัดการวังหลังจริงๆ สวีจือย่วนมีนิสัยอ่อนโยน ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน ข้าก็จะเลื่อนตำแหน่งเป็นสนมขั้นผิน"
อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว เย่จิ่งอวี้ต้องการแต่งตั้งสวีจือย่วนเป็นสนมขั้นผิน ดูท่าว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับอินสิงอวิ๋นนั้นถูกกำหนดให้ไม่สมหวังแล้วจริงๆ
เย่จิ่งอวี้เหลือบมองอินชิงเสวียนจากหางตา แล้วถามเบาๆ "หรือว่าเจ้าไม่ชอบนายหญิงสวีคนนั้น"
อินชิงเสวียนตอบในใจว่า ทั้งหมดล้วนเป็นนางสนมของท่าน เกี่ยวอะไรกับข้า
แต่ปากกลับพูดว่า "นายหญิงสวีใจดีและอ่อนโยน ย่อมเป็นที่โปรดปรานอยู่แล้ว กระหม่อมเพียงแต่คิดว่า ในเมื่อฝ่าบาททรงโปรดนาง เหตุใดจึงมอบแค่ตำแหน่งสนมขั้นผินให้นางเท่านั้น"
เย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาคู่นั้นลึกล้ำราวกับทะเล จากนั้นก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ผ่านไปนานจึงกล่าวว่า "ข้าพบเด็กหญิงคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่ข้าขึ้นครองบัลลังก์ ข้าก็ตามหานางมาโดยตลอด ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าข้าได้พบนางแล้ว แต่ความรู้สึกที่ข้ามีต่อนางเป็นเช่นไรนั้น ข้าก็อธิบายไม่ได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...