สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 165

เมื่อมองดูดวงตาที่ใสกระจ่างของเย่จั้นแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในใจ

"ข้าจะจัดการสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้ผิดต่อความไว้วางใจของเสด็จอา"

เย่จั้นยิ้มอย่างสง่างามและพูดอย่างอ่อนโยน "ตอนนี้ต้าโจวมีความอดอยากไปทั่วแคว้น มีคนตายด้วยความหิวโหยอยู่ทุกแห่งหน ทั้งยังมีคนชั่วจงใจที่จะสร้างปัญหา ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้"

เมื่อดูจากกิริยาและวาจาของเย่จั้นแล้ว อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้จะเป็นคนเดียวกับนักรบที่แสนเยือกเย็นผู้นั้นได้

นี่คงเป็นแม่ทัพที่คนโบราณบรรยายไว้กระมัง

ท่วงท่าสง่างามของเย่จั้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงผิวเผิน แต่ฝังอยู่ในกระดูกของเขา แม้ว่าเขาจะอ่อนโยนสง่างาม แต่กลับทำให้คนไม่อาจเพิกเฉยต่อความเฉียบคมในดวงตาที่ฉายแววออกมาเป็นครั้งคราวของเขาได้

อาจเป็นเพราะรู้สึกถึงการจ้องมองของอินชิงเสวียน เย่จั้นจึงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง อินชิงเสวียนรู้สึกประดักประเดิด จึงเบือนหน้าหนีไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว

เย่จิ่งอวี้ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยและหัวเราะเบาๆ "ตอนนี้มีมาตรการตอบโต้สำหรับทุกสิ่งแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน ราษฎรของต้าโจวจะมั่นคง ถึงปีหน้า ก็จะมีบรรยากาศใหม่ๆ แน่นอน"

เย่จั้นพยักหน้าและพูดว่า "ข้าก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แม้ว่าความคิดบางอย่างจะอุกอาจไปบ้าง แต่เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้วก็เกิดขึ้นไปได้ และเนื่องจากภูมิประเทศ พื้นที่ต้าโจวส่วนใหญ่เป็นพื้นที่แห้งแล้ง หากผันน้ำจากทางตอนใต้ขึ้นมาได้ ประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล"

"ใช่แล้ว โครงการผันน้ำจากใต้สู่เหนือเป็นโครงการใหญ่จริงๆ แต่ถ้าสร้างเสร็จ คนรุ่นต่อๆ ไปจะพลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเสี่ยวเสวียนจื่อของข้า"

เย่จิ่งอวี้มองไปที่อินชิงเสวียน และยิ้มอีกครั้ง

อินชิงเสวียนหัวเราะแห้งๆ แก้มของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย

นางไม่มีสติปัญญาที่ทรงพลังขนาดนั้น นางขโมยโครงการการก่อสร้างของมาตุภูมิอันยิ่งใหญ่ไปจริงๆ

"พรสวรรค์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ข้าอิจฉาอย่างยิ่ง ควรเก็บเขาไว้ข้างกายอย่างดี"

เย่จั้นเหลือบมองด้วยสายตาเจือรอยยิ้มจางๆ

อินชิงเสวียนรีบก้มหน้างุดเหมือนปลาทูแม่กลอง

"ขอบพระทัยฝ่าบาทและท่านอ๋องสำหรับคำชม กระหม่อมมิกล้ารับ"

"การได้รับคำยกย่องอย่างสูงจากฝ่าบาท แสดงให้เห็นว่ากงกงน้อยมีความสามารถอยู่บ้าง ดังนั้นอย่าถ่อมตัวเกินไป"

เย่จั้นหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ข้าอยู่ในกองทัพตลอดทั้งปี ไม่มีสิ่งของดีๆ จะให้เจ้า หงยวน ไปหยิบกล่องชาชื่อหั่วของเมืองซุ่ยหานมากล่องหนึ่ง มอบให้กงกงน้อยนำกลับไปลิ้มลอง"

เย่จิ่งอวี้ยิ้มแล้วพูดว่า "เมืองซุ่ยหานเป็นสถานที่แห่งความหนาวเย็น ไม่ง่ายเลยที่จะผลิตชาชื่อหั่วมาได้ ที่มีฤทธิ์ในการขจัดความเย็นและทำให้ท้องอุ่นขึ้น ถือเป็นสมบัติล้ำค่า เสี่ยวเสวียนจื่อ ยังไม่รีบขอบคุณอีก"

อินชิงเสวียนคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว

"ขอบพระทัยท่านอ๋อง"

"ลุกขึ้นเถอะ"

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน สาวใช้คนหนึ่งถือกล่องไม้เล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือเข้ามา แล้วยื่นกล่องนั้นให้อินชิงเสวียนด้วยความนอบน้อม

เมื่อมองดูฝีมืออันประณีตของกล่อง ดวงตาของอินชิงเสวียน ก็อดไม่ได้ที่จะเปล่งประกาย และนางก็รีบยัดเข้าไปในแขนเสื้อทันที ของหายากเช่นนี้ต้องคุ้มค่ากับเงินไม่น้อยแน่นอน

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เย่จั้นก็กล่าวต่อว่า "ข้าได้ยินว่าการประชุมเช้าวันนี้ มีคนแนะนำให้ข้าไปที่เจียงวู ไม่ทราบว่าฝ่าบาทคิดอย่างไร"

เย่จิ่งอวี้พูดด้วยกระแสเสียงสบายๆ "จะฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว ข้าสั่งให้โหวเหนือไปที่นั่นแล้ว เสด็จไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ กว่าจะเดินทางกลับเมืองหลวงได้ก็แสนลำบาก ควรอยู่พักให้สบายดีกว่า"

เย่จั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ก็ดี แม้ว่าหลายปีมานี้เป่ยมู่ต๋าจะไม่ได้ยกทัพมา แต่ก็แสดงท่าทีว่าเตรียมพร้อมที่จะทำเช่นนั้น ถ้าข้าออกจากเมืองซุ่ยหานนานเกินไป พวกเขาอาจจะส่งกองกำลังไปก่อเหตุวุ่นวายแน่นอน"

เย่จิ่งอวี้จ้องมองเขานิ่งๆ แล้วกล่าวว่า "ถูกต้อง เรื่องทางด้านทิศเหนือต้องรบกวนเสด็จอาแล้ว ไม่ทราบว่าเสด็จอากลับมาคราวนี้ จะอยู่ได้นานเท่าใด"

"หลังจากผ่านวันเฉลิมพระชนมพรรษาของไทเฮา ข้าก็จะกลับเมืองซุ่ยหาน"

เย่จั้นยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า "ก่อนจะจากไป ข้ามีเรื่องส่วนตัวอีกเรื่องที่ต้องจัดการ"

เย่จิ่งอวี้ถามทันที "ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์