“อะไรนะ? หมากแม่ทัพได้รับความเสียหาย? เป็นไปไม่ได้! อาวุโสห้า คุณต้องเข้าใจอะไรผิดแน่นอน!”
ภายในห้องที่มืดสลัวแห่งหนึ่ง มีคนหลายคนนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะ สีหน้าของแต่ละคนเคร่งขรึม หนึ่งในนั้นลุกขึ้นพูดด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้นเล็กน้อย
“ผมเห็นกับตาตัวเอง จะผิดได้ยังไง? ถ้าหากอาวุโสสามไม่เชื่อ ตอนนี้คุณลองไปตรวจดูที่กระดานโลหิตมารได้เลย!” อาวุโสห้าพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
อาวุโสสามถึงกับพูดไม่ออกทันที
ส่วนอาวุโสที่เหลือหันไปมองหน้ากัน
“เรื่องแบบนี้ต้องรีบรายงานเจ้าลัทธิ!” อาวุโสสองพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
หลังของเขาค่อนข้างค่อม สวมชุดเพ้าสีเลือด ในห้องที่มืดสลัว ท่าทางของเขาดูค่อนข้างน่าตกใจ
“เจ้าลัทธิที่กำลังเก็บตัว มีคำสั่งห้ามรบกวนเด็ดขาด!”
“งั้นก็รีบไปรายงานอาวุโสใหญ่! นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก แม้กระทั่งเจ้าลัทธิยังไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้ อย่างมากก็แค่สัมผัสโดน แต่นี่ถึงขั้นทำให้เสียหาย! มันหมายความว่าคนคนนั้นมีคุณสมบัติพอที่จะเอาจักรพรรดิโลหิตแสวงชีวิตออกมา!”
พูดถึงจักรพรรดิโลหิตแสวงชีวิต ลมหายใจของอาวุโสที่อยู่ในเหตุการหยุดชะงัก ในแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ถ้าหากคนคนนั้นสามารถนำจักรพรรดิโลหิตแสวงชีวิตออกมาให้พวกเรา ลัทธิโลหิตมารของพวกเรามีสมบัติสูงสุดแบบนี้ อย่าว่าแต่แข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัว ถึงอยู่ในงานประชุมใหญ่ก็ไร้เทียมทาน! ลัทธิโลหิตมารของพวกเราจะต้องทะยานสู่ท้องฟ้า!”
“เมื่อถึงเวลา ทั่วใต้ล้า ยังมีใครที่กล้าเป็นศัตรูกับพวกเราอีก?”
“ถูกต้อง!”
ทุกคนยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น แต่ละคนกำหมัดแน่น ในแววตาเต็มไปด้วยความโลภและกระหาย
“รู้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนทำ?” ในตอนนั้นเอง อาวุโสสองถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ตอนนี้…ยังไม่รู้ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหมอเทวดาหลิน! แต่ก็ยังตัดโจแอลกับหนานฉินและโขงซื่อเทียนที่เป็นคนเข้าไปก่อนไม่ได้!”
“โขงซื่อเทียนด้วยเหรอ? ก็ไหนบอกว่าเขาอยู่ได้แค่สิบกว่านาทีเองไม่ใช่เหรอ?” มีคนพูด
“อยู่ได้แค่สิบกว่านาที? ผมไม่เชื่อ ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ โขงซื่อเทียนไม่เอาไหนถึงขั้นนี้เลยเหรอ? ผมว่าเขาจงใจมากกว่า” อาวุโสห้าพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“อาวุโสห้า ความหมายของคุณคือ?”
“ผมจำเป็นต้องทดสอบให้ได้ว่าใครกันแน่ที่สามารถ ‘รุก’ แม่ทัพของกระดานโลหิตมาร!”
“ทดสอบยังไง?”
“พรุ่งนี้ก็รู้เอง”
......
......
ใครในห้อง
หลินหยางกำลังนั่งขัดสมาธิ เหมือนกำลังปรับลมปราณในร่างกาย
เขาขอเครื่องนุ่งห่มด้านบน เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่เป็นมัด แต่ตอนนี้บนผิวหนังของเขาเต็มไปด้วยเข็มเงิน ดูแล้วค่อนข้างน่ากลัว
ส่วนบาดแผลกระบี่ตรงหน้าอกของเขาสมานกันแล้ว แต่ผิวหนังที่ปริแตกบนแขนทั้งสองข้างยังคงดูน่ากลัวมาก
ต้องยอมรับว่ากระดานโลหิตมารน่ากลัวจริงๆ
ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะหลินหยางได้ฝังเข็มและกินยาก่อน บวกกับมีร่างดวงดาวโดยกำเนิดหนุนเสริม คิดว่าหลินหยางคงตายไปตั้งนานแล้ว
“เป็นแค่กลไกแต่น่ากลัวขนาดนี้ ตกลงใครเป็นคนคิดค้นกันแน่?” หลินหยางลืมตาขึ้นพูดพึมพำ
ทันใดนั้น มีเสียงเคลื่อนไหวที่แผ่วเบาดังขึ้นจากด้านนอก
หลินหยางขมวดคิ้ว รีบลงจากเตียง เดินไปทางประตูโดยไม่มีเสียง จากนั้นเปิดประตูอย่างกะทันหัน
เอี๊ยด!
ทันทีที่ประตูเปิด
พบว่ามีผู้หญิงที่สวยงามคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตู
ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือหนานฉิน
“เหอะ หมอเทวดาหลิน หูของคุณดีใช้ได้เลยนะ” หนานฉินไม่มีท่าทีของความกระอักกระอ่วน เธอหัวเราะแล้วพูด
“มีธุระ?”
“แน่นอน ฉันต้องการให้คุณตรวจโรคให้ฉัน”
“ผมบอกไปแล้วว่าคุณไม่เป็นอะไร”
“แต่ฉันรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวไปหมด หรือไม่…หมอเทวดาหลินช่วยลองตรวจดูอีกที?” หนานฉินกระพริบตา น้ำเสียงของเธอข้างเย้ายวน
“คุณหนานฉิน วันนี้ผมไม่สะดวก คุณก็เห็นแล้วว่าผมได้รับบาดเจ็บ เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน”
หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ปิดประตูโดยตรง
“หมอเทวดาหลิน ช้าก่อน!”
หนานฉินรีบใช้มือดึงขอบประตู
“อะไรอีก?”
หลินหยางหวาดระแวงเล็กน้อย
หนานฉินกำลังคิดจะทำอะไร? ทำไมถึงตามตื้นเขาไม่เลย?
ทว่าในตอนนั้นเอง มีเสียงที่ชัดเจนและสดใสดังขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...