แต่ในเวลานี้ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างๆ พวกเขาอย่างเงียบๆ
"ท่านทั้งสอง เชิญออกไปจากที่นี่ด้วย ไม่งั้นต้องรับผิดชอบ"
ทั้งสองผงะ มีคนเข้ามาใกล้พวกเขาโดยไม่รู้ตัว เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะยืนยันความสามารถของพวกเขา
พวกเขาหันหน้ากลับไปมองทางเสียง
"คุณคือใคร?"
"คนของสำนักหงเหยียนหรอ? แต่คุณเป็นผู้ชายหนิ สำนักหงเหยียนไม่ใช่ผู้หญิงหรอ? ไม่เคยเห็นพวกเธอมีผู้ชายมาก่อน"
ทั้งสองกวาดสายตามองด้วยความแปลกใจอย่างมาก
แต่อีกฝ่ายส่ายหน้า
"ผมไม่ใช่คนของสำนักหงเหยียน ผมเป็นคนของหมอเทวดาหลินเจียงเฉิน เชิญทั้งสองออกไปจากที่นี่ด้วย ไม่งั้นก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับหมอเทวดาหลิน!"
เมื่อสิ้นเสียง ทั้งสองก็ขมวดคิ้ว
เป็นศัตรูกับหมอเทวดาหลินงั้นหรอ? พวกเขาถามตัวเองว่ากล้าหรือไม่ ครุ่นคิดสักพักและพยักหน้า
"พวกเราไม่กล้าเป็นศัตรูกับหมอเทวดาหลิน ถ้าอย่างงั้นพวกเราขอตัวไปก่อนหล่ะ!"
ทั้งสองหันตัวอย่างไม่ลังเล
คนนั้นมองร่างของทั้งสองจากไป จากนั้นก็หยิบวิทยุขึ้นมาและพูดเบาๆ: "รายงานเจ้านิกาย สองคนสุดท้ายออกไปแล้ว ลงมือได้!"
"โอเค!"
มีเสียงแหบแห้งและเย็นเฉียบจากวิทยุ...
อาจเป็นเพราะเหนื่อยจากการนอน เจ้าสำนักหงเหยียนนั่งขึ้นมา จิบชาอย่างเบื่อหน่ายและกินผลไม้
เนื่องจากเธอมีพลังอย่างมาก รูปลักษณ์ของเธอจึงเย้ายวนมากขึ้น แต่ความดุร้ายของเธอก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าที่มั่นของสำนักหงเหยียนในหลายพื้นที่จะถูกทำลาย แต่ก็ยังมีศพส่งไปหาเธออย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้พลังของเธอจึงน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เธอมืดมนมากขึ้น คนที่อยู่ใกล้เธอจะรู้สึกขนลึก
"เจียงเฉินอยู่ห่างอีกเท่าไหร่?" เจ้าสำนักหงเหยียนเอ่ยปาก
"เจ้าสำนัก อีกประมาณยี่สิบนาทีด้วยการเดินเท้า" หญิงวัยกลางคนที่เดินข้างเสลี่ยงเดินเข้ามาและพูดด้วยความเคารพ
"ด้านหมอเทวดาหลินมีการเคลื่อนไหวอะไรไหม?"
"ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในทางกลับกัน พวกเขาไม่มีแม้แต่แนวป้องกัน" หญิงวัยกลางคนลังเลและพูด
"อะไรนะ?"
เจ้าสำนักหงเหยียนขมวดคิ้ว: "ไม่ทำแนวป้องกันหรอ? เขาไม่ได้เคลื่อนพลที่ไหนเลยหรอ? ไม่ได้ส่งใครไปไหนเลยหรอ?"
"ใช่" หญิงวัยกลางคนพยักหน้า
เจ้าสำนักหงเหยียนหลบตาและครุ่นคิด
ในความเป็นจริงเหตุผลที่เธอมาถึงเจียงเฉินช้านั้นคือทำให้หมอเทวดาหลินตกใจและบังคับให้เขาส่งหรือซ่อนคนที่เขาคิดว่าสำคัญ
ท้ายที่สุดก่อนจะเผชิญหน้ากับศัตรู ทุกคนจะคิดว่าจะปกป้องคนรอบข้างของพวกเขายังไง
ถ้าเป็นเช่นนี้ เจ้าสำนักหงเหยียนรู้ได้ว่าใครคือคนที่ขาดไม่ได้สำหรับหลินหยาง สามารถแจ้งสายของสำนักหงเหยียนในเจียงเฉินให้จัดการพวกเขาล่วงหน้าได้ และบีบบังคับให้หลินหยางมอบมรดกวิชาทางการแพทย์ออกมา
เจ้าสำนักหงเหยียนไม่ใช่ว่าไม่มีเป้าหมาย
เธอสนใจในทักษะทางการแพทย์ของหลินหยางเป็นอย่างมาก
เธอคิดว่าจุดสูงสุดของทักษะทางการแพทย์คือวิชาเซียน ถ้าตัวเองสามารถเชี่ยวชาญในทักษะทางการแพทย์ของหมอเทวดาหลินได้ มันจะเป็นประโยชน์สำหรับเธอในการเสาะแสวงหาเส้นทางแห่งเซียน
แต่...
หมอเทวดาหลินไม่ได้เห็นว่าตนเองเป็นคนสำคัญ
ไม่มีใครปอลดภัยกับมาตรการนี้!
ไม่มีใครเตรียมพร้อม!
กระทั่ง...ประตูเจียงเฉินถูกเปิดออก...
เจ้าสำนักหงเหยียนจะไม่สงสัยได้อย่างไร
"เหมือนว่าหมอเทวดาหลินจะมีมาตรการต่อต้านฉันแล้ว" เจ้าสำนักหงเหยียนพูดอย่างเฉยเมย
"ไอคนแซ่หลินนั่นหาเรื่องตาย! เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเป็นศัตรูกับสิ่งที่มีชีวิตสูงสุดขนาดไหน!" หญิงวัยกลางคนพูดด้วยอารมณ์
"อย่าเพิ่งพูดอะไรไร้สาระ ในเมื่อหมอเทวดาหลินไม่ได้ต่อต้านใดๆ งั้นก็รีบเร่งมือเข้าไปยังเจียงเฉินเถอะ จะได้ไม่เกิดการเคลื่อนไหวที่ใหญ่โตเกินแล้วจะทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดี"
"รับทราบ เจ้าสำนัก!"
หญิงวัยกลางคนพยักหน้าและตะโกนเสียงดัง: "เจ้าสำนักสั่งให้เร่งความเร็วมุ่งไปด้านหน้า!"
"รับทราบ!"
ทุกคนตะโกน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...