“หลินหยาง แค่การประลองทั่วไป ไม่จำเป็นต้องห่วง แค่คุณสามารถยืนหยัดบนสนามประลองได้สักพักก็พอ! อย่างอื่นไม่มีอะไรมาก วางใจได้” ผู้ชายที่เดินตามมาพูดปลอบใจหลินหยาง
“ผมไม่ได้ห่วงอะไรมากหรอก พวกคุณได้คืนเลือดวิญญาณลั่วหลินทั้งสิบหยดให้ผม ยิ่งมอบยาวิเศษและตำราลับที่ผมต้องการ แค่นี้ผมก็พอใจมากแล้ว ผมจะช่วยสำนักสวรรค์นิรันดรจัดการเรื่องนี้อย่างเต็มที่” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็ดี!” มุมปากของผู้ชายกระตุกขึ้น
เจี๋ยเซิงโดนหามออกไปทำการรักษาอย่างเร่งด่วน
เขาไม่ได้ตอบ แต่หมดสติไปแล้ว
“อาวุโส เส้นเอ็นทั้งหมดในร่างกายของศิษย์พี่เจี๋ยเซิงได้รับความเสียหายหนัก นอกจากนี้ยังมีปราณแท้สายหนึ่งกำลังทำลายระบบประสาทของเขา! ต้องการขจัดปราณแท้สายนี้ค่อนข้างยาก เกรงว่าคงต้องใช้เวลาหลายสิบปี!” ลูกศิษย์คนหนึ่งเดินเข้าไปตรวจสอบอาการของเจี๋ยเซิง เงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว
“ความหมายของคุณคือ…”
“เขาพิการแล้ว!” คนคนนั้นพูด
คำพูดประโยคนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบหน้าถอดสี
“อะไรนะ?”
“ศิษย์พี่เจี๋ยเซิง…พิการ?”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้? เขาเป็นถึงอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของอาวุโสสาม!”
“แม้แต่เขาก็ยัง…”
“สวรรค์…”
ลูกศิษย์คนอื่นพูดเสียงสั่น แต่ละคนรู้สึกกระสับกระส่าย
เจี๋ยเซิงเป็นลูกศิษย์ที่ภาคภูมิใจมากที่สุดของอาวุโสสาม ได้รับการชี้แนะจากปรมาจารย์หลายท่าน พรสวรรค์ล้ำเลิศ ความสามารถไม่ธรรมดา แม้ไม่ติดอันดับของห้าลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุด แต่สถานะของเขาอยู่เหนือกว่าคนทั้งห้านานแล้ว
เจี๋ยเซิงถือเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับแนวหน้าของสำนักสวรรค์นิรันดร
แต่ตอนนี้ แม้กระทั่งเขาก็แพ้ให้กับสำนักสวรรค์อินทนิล!
แม้แต่เขาก็สู้ไม่ได้…มีใครที่สามารถรับมืออาเสี่ยนได้อีก?
ยิ่งไปกว่านั้นถึงสามารถเอาชนะอาเสี่ยน แล้วยอดฝีมือที่เหลืออีกยี่สิบกว่าคนของสำนักสวรรค์อินทนิลล่ะ? ควรจะรับมืออย่างไร?
ชั่วขณะ จิตใจของทุกคนกระสับกระส่าย
ขวัญกำลังใจของสำนักสวรรค์นิรันดรตกฮวบ ไม่มีใครกล้าเสนอตัวอีก…
สีหน้าของอาวุโสและเจ้าตำหนัก รวมไปถึงสมาชิกระดับสูงทุกคนดูน่าเกลียดมาก
มุมปากของเจิ้งฮั่นซานกระตุกขึ้น หรี่ตาลงจ้องอาวุโสสาม สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ของความมีชัย
“นี่! ยังมีคนจะสู้กับฉันหรือเปล่า? ถ้าหากไม่มีใครกล้า! ก็รีบส่ง ‘ตำราเทพลำพอง’ ออกมาได้แล้ว!” ในตอนนั้นเอง อาเสี่ยนตะโกนพูด
เสียงดังมาก
เต็มไปด้วยอารมณ์ของความหยิ่งยโส!
มีลูกศิษย์ไม่น้อยโกรธจนถึงขีดสุด แต่พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอาเสี่ยน ทำได้แต่กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูด
“อาวุโสสาม! ลูกศิษย์ของสำนักพวกคุณล่ะ? ยังมีคนอีกหรือเปล่า? ก็หากไม่มีก็เท่ากับว่าการประลองครั้งนี้สิ้นสุดแล้วใช่หรือเปล่า? อย่าเสียเวลาของทุกคนเลย! ผมขอพูดเอาไว้ก่อน อันที่จริงคนของสำนักสวรรค์นิรันดรไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกศิษย์กลุ่มนี้ของสำนักเรา คุณเองก็ไม่ต้องส่งลูกศิษย์ออกมารับเคราะห์อีกแล้ว!” เจิ้งฮั่นซานเงยหน้าขึ้น ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดเสียงดัง
เสียงของเขาดังก้องไปทั่ว
ผู้คนมากมายรู้สึกโมโหจนหน้าแดง
อาวุโสสามก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน แต่ไม่ได้แสดงออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องรีบร้อน คนของสำนักสวรรค์นิรันดรพึ่งมากันครบ จะไม่มีคนรับคำท้าได้ยังไง? คุณรอก่อน! คู่ต่อสู้ของเธอกำลังมา!”
“หืม? ผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่าคุณจะไปเชิญคนแบบไหนมา” เจิ้งฮั่นซานยิ้มเล็กน้อย
“เท่าที่ฉันดู ก็คงจะเป็นห้าลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดและลูกศิษย์สายในมั้ง หมูหมากาไก่พวกนี้ เลิกส่งออกมาขายหน้าได้แล้ว!” อาเสี่ยนสองมือกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก
น้ำเสียงที่อวดดีนี้ทำให้ทุกคนไม่สามารถโต้แย้ง
วันนี้คนของสำนักสวรรค์นิรันดรรู้สึกขายหน้าจนแทบมุดลงดิน!
ในตอนนั้นเอง หลินหยางเดินมาถึงหน้าตำหนักผู้กล้าแล้ว
“อาวุโสสาม! หลินหยางมาแล้ว!”
มีคนวิ่งเข้ามาพูดเสียงดัง
“หืม?”
อาวุโสสามรีบหันไปมอง
กลับเห็นหลินหยางเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่ซีดเซียว ใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกของตนเอง ส่วนมืออีกข้างปิดปากของตนเองไอไม่หยุด ท่าทางของเขาในตอนนี้ราวกับคนที่กำลังใกล้จะตายเต็มที
ดูเหมือนพิษเป็นในร่างกายของเขากำเริบอีกแล้ว
“พี่หลิน?”
ชิวซ่านที่อยู่ในฝูงชนหน้าซีด รีบวิ่งเข้าไป “คุณมาทำอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...