"รีบปลอมตัวออกไป ปกปิดตัวตนให้ดีและรอจังหวะที่เหมาะสมเพื่อพาตัวหลินหยางออกไป! จำไว้ว่าอย่าให้เขาได้รับอันตรายเด็ดขาด!"
เชียนเย่กล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำ "หากพาหลินหยางกลับไปสำนักสวรรค์อินทนิลของผมได้ เพียงแค่มีอสูรร้ายไร้เทียมทานคนนี้เพียงคนเดียว สำนักสวรรค์อินทนิลของผมก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใครอีกต่อไปแล้ว!"
"รับทราบ!"
ทุกคนต่างขานรับ
ทว่าขณะนี้เอง
"ฮ่าๆๆ..."
เสียงหัวเราะได้ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
ทุกคนต่างพากันตื่นตระหนกและเงยหน้าขึ้นมอง
ที่แท้แล้วคนที่หัวเราะเสียงดังกังวานก็คือเจ้าสำนักโม่ซินนั่นเอง
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มและแววตาที่ลุกเป็นประกายจับจ้องไปที่หลินหยาง "สหาย! ขอบคุณมาก! ขอบคุณจริงๆ! ฮ่าๆๆ..."
"ขอบคุณ?" หลินหยางพึมพำและจ้องมองเธอ
"วันนี้ฉันบังเอิญได้เลือดวิญญาณลั่วหลินสิบหยดมาครอบครอง เดิมทีก็คิดว่าวันนี้เป็นวันที่โชคดีมากแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะนำเลือดวิญญาณลั่วหลินยี่สิบหยดมามอบให้ฉันอีก แล้วแบบนี้ทำไมฉันจะไม่ขอบคุณคุณล่ะ" เจ้าสำนักโม่ซินหัวเราะเสียงดัง
"โม่ซิน คุณอย่าเพิ่งได้ใจไปหน่อยเลย! คุณมีเพียงแค่สิบสามหยดเท่านั้น ผมมีถึงยี่สิบหยด ระหว่างผมและคุณใครจะเป็นฝ่ายชนะก็ยังไม่แน่เสมอไป!" หลินหยางกล่าวน้ำเสียงเรียบ
"คุณไม่อยู่สถานการณ์ตรงหน้าให้ดีหน่อยเหรอ?" เจ้าสำนักโม่ซินหัวเราะและกล่าวว่า "คุณลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ยี่สิบหยด? สิบสามหยด? คุณคิดว่าฉันจะต่อสู้กับคุณเพียงลำพังงั้นเหรอ?"
หลังจากพูดจบ เจ้าสำนักโม่ซินได้หยิบท่อนไม้ขนาดเท่ากับปากกาออกมาจากด้านหลังและยกขึ้นสูง จากนั้นได้หักท่อนบนลงด้วยมือเปล่า
ในชั่วพริบตา
ฟิ้ว!
จากนั้นก็มีประกายแสงสีแดงพุ่งออกมาจากท่อนไม้นั้นและเข้าไปยังท้องฟ้าและแตกกระจาย
ทุกคนต่างพากันเงยหน้าขึ้นมอง
จากนั้นก็เห็นลวดลายนกศักดิ์สิทธิ์เหมือนลายนกฟีนิกซ์สีแดงเพลิงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแล้วก็สลายไป
คือพลุส่งสัญญาณ!
หลายคนพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้
ทว่าวินาทีต่อมา เสียงร้องอุทานอย่างตกตะลึงของเจิ้งถงหยวนก็ได้ดังขึ้น
"คำสั่งนกศักดิ์สิทธิ์! นี่คือคำสั่งนกศักดิ์สิทธิ์!!"
"อะไรนะ? คำสั่งนกศักดิ์สิทธิ์?"
"นี่เป็นคำสั่งเตือนขั้นสูงสุดในการต่อสู้ของสำนักสวรรค์นิรันดรของเราไม่ใช่เหรอ?"
"เจ้าสำนักหมายความว่า? หรือว่าต้องการ...รวบรวมกำลังคนของทั้งสำนักสวรรค์นิรันดรมาเพื่อรับมือกับชายคนนั้น?"
เกิดความโกลาหลขึ้นในที่เกิดเหตุ และผู้คนของสำนักสวรรค์นิรันดรก็ต่างพากันวิตกกังวลเล็กน้อย
จากนั้นได้มีเจ้าตำหนักคนหนึ่งรีบตะโกนออกไป "ทุกคนรีบเตรียมตัวรับมือ และเตรียมพร้อมกับการต่อสู้ทุกขณะ!"
และเมื่อเสียงนี้ดังออกไป ทุกคนจึงได้สติและรีบรวมตัวเพื่อเตรียมพร้อมกับการต่อสู้ตลอดเวลา
และในขณะเดียวกัน ทั้งสำนักสวรรค์นิรันดรก็เกิดความวุ่นวายอลหม่านเกิดขึ้น
อาวุโสห้าได้นำลูกศิษย์จำนวนมากพากันมาสมทบที่วังสุริยาจันทราดารา
"รองหัวหน้าพันธมิตร นี่มันเกิดอะไรขึ้น?" คนของยอดเขากูเฟิงมองไปรอบๆ ที่มีผู้คนเข้ามาไม่หยุดด้วยความตกใจ และอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
"ยังดูไม่ออกอีกเหรอ? เพราะโม่ซินต้องการจะครอบครองเลือดวิญญาณลั่วหลินยี่สิบหยดนั่นยังไงล่ะ! เธอรู้ดีว่าเลือดวิญญาณลั่วหลินสิบสามหยดของเธอไม่สามารถรับมือเจ้าหมอนั่นได้ จึงได้ส่งสัญญาณเรียกรวบรวมกองกำลังของสำนักสวรรค์นิรันดรทั้งหมดมาเพื่อล้อมเขา! เพื่อไม่ให้เขาหนีไปได้! นับว่าเลือดวิญญาณลั่วหลินยี่สิบหยดนั้นน่าเกรงกลัวมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งเดียว บนโลกนี้อาจจะไม่มีใครสามารถต้านทานต่อเลือดวิญญาณลั่วหลินยี่สิบหยดได้เพียงคนเดียว แต่ในสำนักสวรรค์นิรันดรนี้ ผู้คนจำนวนนับหมื่น ชายคนนั้นจะหลุดพ้นไปได้ยังไงล่ะ?" หยานชางไห่พึมพำอย่างเคร่งขรึม
"หมายความว่า เจ้าสำนักโม่ซินจะเป็นผู้ครอบครองเลือดวิญญาณลั่วหลินสามสิบสามหยดงั้นเหรอ?" คนข้างๆ ถามออกไปด้วยความสงสัย
หยานชางไห่ถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "หากปล่อยให้เธอได้ครอบครองเพียงคนเดียว บนโลกนี้คงได้ตกเป็นของเธอ และเมื่อถึงตอนนั้น ยอดเขากูเฟิง สำนักสวรรค์อินทนิลก็จะเป็นเพียงเรื่องตลกในสายตาของเธอเท่านั้น..."
"อะไรนะ?"
"งั้น...งั้นจะทำยังไงกันดีล่ะรองหัวหน้าพันธมิตร!"
"เราหันหน้าโอนอ่อนไปหาพวกเขาดีไหม เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับพวกเขาดีไหม?"
ทุกคนโดยรอบต่างพากันตกตะลึงและรีบกล่าวกระซิบ
"ร่วมเป็นพันธมิตร? งั้นคุณคิดว่าเราจะยังมีหัวหน้าพันธมิตรอีกไหม? จะยังมีวันคืนที่แสนสบายแบบนี้อีกไหม? ถึงตอนนั้นเจ้าสำนักโม่ซินจะต้องฆ่าเราให้ตายทั้งเป็น คุณอยากเอาชีวิตของตัวเองไปฝากไว้ที่คนอื่นงั้นเหรอ?"
"งั้นรองหัวหน้าพันธมิตรหมายความว่า..."
"เดี๋ยวเราหาโอกาสจังหวะเหมาะแล้วไปแย่งชิงมา!" หยานชางไห่กล่าวอย่างเขี้ยวแค้น
"รับทราบ รองหัวหน้าพันธมิตร!"
ทุกคนต่างขานรับด้วยเสียงต่ำ และสายตาที่แน่วแน่
หลังจากที่โม่ซินปล่อยพลุสัญญาณเตือนขั้นสูงสุดออกไป ทั้งวังสุริยาจันทราดาราก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มาปิดล้อม
ทุกคนต่างพากันจับจ้องไปที่หลินหยางอย่างกระตือรือร้น และพร้อมจะฉีกเลือดฉีกเนื้อของเขาทุกเมื่อ
ในขณะนี้ หลินหยางดูไร้ความช่วยเหลือ!
และไม่มีใครรู้ว่าหลินหยางกำลังคิดอะไรอยู่
นำเลือดวิญญาณลั่วหลินยี่สิบหยดมาที่สำนักสวรรค์นิรันดรเพื่อยั่วยุเจ้าสำนัก?
นี่ไม่เป็นการนำเลือดวิญญาณลั่วหลินมามอบให้อย่างเปิดเผยเหรอ?
เจ้าสำนักก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะต่อสู้กับเขาเพียงลำพัง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเลือดวิญญาณลั่วหลิน โม่ซินจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เลือดวิญญาณลั่วหลินมาครอบครองให้ได้!
และตอนนี้หลินหยางก็ตกอยู่ในสภาวะที่ถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนา แม้จะมีปีกก็ยากจะบินหนีออกไป นอกจากนอนรอความตายแล้ว เขายังมีตัวเลือกอื่นอีกเหรอ?
คนของสำนักสวรรค์นิรันดรต่างไม่ละสายตาไปจากเขา ทุกคนต่างเฝ้าจับตามองอย่างกระตือรือร้น
ทว่าหลินหยางกลับเฉยเมยและไม่ร้อนรน
"สหาย! ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากใจเกินไป หากคุณยอมจำนนและมอบเลือดวิญญาณลั่วหลินยี่สิบหยดออกมาแต่โดยดี ฉันจะไม่ฆ่าคุณ" เจ้าสำนักโม่ซินหัวเราะเบาๆ
"โม่ซิน คุณคิดว่าเรื่องแค่นี้จะสามารถทำอันตรายกับผมได้ยังงั้นเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นความคิดของคุณช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน" หลินหยางส่ายหน้าและกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"คุณคิดว่าพวกเขาไม่มีทางฆ่าคุณได้งั้นเหรอ?"
"บางครั้งคนเยอะก็ไม่ได้จะดูมีประโยชน์เสมอไป! ในเมื่อผมกล้ามาที่นี่ ผมก็ไม่มีทางกลัวพวกเขา โม่ซิน ผมเตือนคุณไว้เลยว่าอย่าให้พวกเขาลงมือ คุณบอกให้พวกเขาลงมือก็เหมือนการส่งพวกเขามาตาย! ถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย" หลินหยางกล่าว
"ฮ่าๆ น่าสนใจ! น่าสนใจมาก! สำนักสวรรค์นิรันดรของฉันกลับถูกดูถูกเหยียดหยามโดยคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอย่างคุณ! ดี! ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะทำให้คุณได้เห็นความสามารถอันเก่งกาจของคนในสำนักสวรรค์นิรันดรดูสักหน่อย!" โม่ซินพูดจบและได้ตะโกนออกมา "ได้ยินที่ฉันพูดไหม?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...