เมื่อพูดคำนี้ออกมา พลังความน่ากลัวของหลินหยางก็หายไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ซูหยูตกตะลึง รีบวิ่งไปอยู่ทางด้านหลังหลินหยาง
“ไม่มีประโยชน์หรอก ระยะสิบไมล์ ถึงคุณจะไปหลบที่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ แค่ฉันต้องการ หัวของคุณก็ต้องอยู่บนพื้น”ผู้หญิงชุดแดงยิ้มเล็กน้อยพูดอีกว่า“ฉันเชิญน้องสาวของคุณมาที่นี่ แน่นอนว่าฉันมีแผน หมอเทวดาหลิน วินาทีที่เธอมาถึง เธอก็กลายเป็นตัวประกันของฉันแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะยืนอยู่ข้างคุณก็ตาม”
“คุณ….คุณโกหก คุณเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? อย่ามาข่มขู่ฉันนะ! ภาพยนตร์ยังไม่กล้าถ่ายแบบนี้!”ซูหยูไม่เชื่อ เธอรู้ว่าพี่เขยของตัวเองเก่งกาจแค่ไหน ตอนนี้เธอยืนอยู่ด้านหลังพี่เขย ยังมีอะไรจะต้องกลัวเธอเหรอ? และอีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็อยู่ห่างเธอหลายสิบเมตร ห่างกันขนาดนี้ เธอจะมีทำอะไรตัวเองได้?
พอพูดคำนี้จบ
หึ่ง!
บรรยากาศเหมือนถูกสั่นสะเทือนลงมา
ซูหยูชะงักงันเล็กน้อย ยังไม่ได้สติกลับมาว่าเกิดอะไรขึ้น ก็สัมผัสได้ว่าตรงหน้าของตัวเองมีเส้นผมโปรยลงมาจำนวนหนึ่ง
รูม่านตาของเธอขยายขึ้น มือเล็กๆ ของเธอรีบสัมผัสผมม้าของเธอด้วยอาการสั่นเทา จากนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดู และพบว่าผมหน้าม้าของเธอถูกตัดออกไปหนึ่งนิ้ว...
“อะไรกัน?”ซูหยูสมองว่างเปล่าขาวโพลน
“คุณว่าครั้งต่อไปนี้ ถ้าตัดผ่านที่คอของคุณ มือของคุณยังจะสัมผัสหัวของคุณอยู่ไหม?”ผู้หญิงชุดแดงยิ้มและพูดขึ้น
ซูหยูตัวสั่นระริก
เธอเป็นคนธรรมดาจะเคยเห็นฝีมือแบบนี้ได้ยังไง?
“ดาบไวดีนี่”หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“คุณชมเกินไปแล้ว! หมอเทวดาหลิน ตอนนี้จะตามฉันไปได้หรือยัง?”ผู้หญิงชุดแดงยิ้มพูดขึ้น
“ผมจะต้องไปกับคุณคนเดียว หรือน้องผมก็ต้องไปด้วย?”หลินหยางถามอย่างอึมครึม
“ฮ่าๆๆๆ ฉันมาครั้งนี้ต้องการแทงใจดำให้คุณทรมาน! คุณไปกับฉันคนเดียว แล้วฉันจะจี้ใจ ทรมานคุณได้ยังไง? เดิมจะเอาซูเหยียนนั่นมาด้วย แต่น่าเสียดายที่คุณป้องกันไว้ก่อน! แต่ก็ไม่เป็นไร ฉันเห็นคุณปกป้องน้องสาวอย่างนี้ ก็สามารถทรมานจี้ใจคุณได้ละ! รอจัดการคุณแล้ว ฉันจะให้ซูเหยียนฝังไปเป็นเพื่อนคุณแน่นอน!”ผู้หญิงชุดแดงหัวเราะเสียงดังลั่น
หลินหยางสีหน้าเหี้ยมโหด แต่ก็ไม่มีทางเลือก
ถ้าหากลงมือ ซูหยูจะต้องตายแน่นอน
แต่ถ้าไปกับผู้หญิงคนนี้ จะต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน…..
“พี่เขย ขอโทษนะคะ ฉันทำให้พี่ต้องเดือดร้อน”ซูหยูสะอึกสะอื้นน้ำตาคลอเบ้า
“ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก ความจริงเป็นพี่ที่ทำให้เธอลำบาก เธอวางใจ พี่จะปกป้องเธอเอง”หลินหยางพยายามยิ้มออกมา
“ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงดี?”ซูหยูเช็ดน้ำตาที่หางตาออกแล้วถามขึ้น
“ไปกับเธอก่อน ค่อยหาโอกาสลงมือ”
หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง จากนั้นพูดอีกว่า“คุณขี่ม้า หรือว่าคุณคิดจะให้พวกเราเดินตามเหรอ? ผมไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่น้องสาวของผมไม่รู้เรื่องวรยุทธ์ เกรงว่าเดินตามไม่ได้หรอก”
“สบายใจได้ ฉันเตรียมพาหนะไว้เรียบร้อยแล้ว ”ผู้หญิงชุดแดงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นโบกสะบัดไปมา สิ่งที่ได้เห็นคือบริเวณไกลๆมีคนสวมใส่ชุดดำปิดหน้าสิบกว่าคนปรากฎตัวขึ้น พวกเขาขี่ม้าสีแดง เมื่อเข้ามาใกล้ก็แบ่งมาให้หลินหยางตัวหนึ่ง
“เชิญ”ผู้หญิงชุดแดงยิ้มและพูดขึ้น
หลินหยางขมวดคิ้วเป็นปม เอียงคอพูดว่า“เสี่ยวหยู ไม่ต้องกลัวนะ!”
พูดจบ ก็โอบซูหยูพร้อมกับกระโดดขึ้นหลังม้า
ซูหยูกดดันมาก มือน้อยๆของเธอรีบจับหลินหยางไว้ ใบหน้ารูปไข่ซีดเผือดเป็นอย่างมาก
“ไปไหน?”หลินหยางพูดอย่างอึมครึม
“ไปที่ที่ทำให้ฉันยากที่จะลืมเลือน!”
ผู้หญิงชุดแดงพูดขึ้น นั่งกุมบังเหียนอย่างสง่างามพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้า
ขณะที่หลินหยางควบม้าไปข้างหน้าก็มีคนชุดดำล้อมหน้าล้อมหลังหลินหยางไว้
ซูหยูตัวสั่นระริกขดอยู่ในอ้อมกอดของหลินหยาง
หลินหยางมองบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง
และม้าก็วิ่งตามม้าของผู้หญิงชุดแดงอย่างรวดเร็ว
ผู้คนพากันมุ่งหน้าออกไปตามเส้นทางชานเมืองด้วยความเร็วที่เร็วมาก แม้ว่าเส้นทางบางช่วงจะขรุขระเป็นโคลน แต่ภายใต้กีบเท้าของม้า พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังเดินบนพื้นราบอยู่
การเดินทางนี้ใช้ระยะเวลาหนึ่งวันเต็มๆ
หลินหยางไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกม้าสีแดงพามาที่ไหน
จากฝีเท้าของม้าตัวนี้ มันสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างน้อยเจ็ดหรือแปดร้อยไมล์ในหนึ่งวันเลยทีเดียว
ตอนนี้คนกลุ่มหนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าภูเขาลูกใหญ่
ที่นี่ไม่ใช่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ บริเวณโดยรอบเปล่าเปลี่ยวรกร้าง และเมืองที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปอย่างน้อยหนึ่งร้อยไมล์
ปังๆๆ….
กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวที่ปล่อยออกมาจากดาบยาวนั่น มันเหมือนกับดินปืนที่ระเบิดทำให้หลุมฝังศพเปิดออก
เวลานี้หลุมดำปรากฎอยู่ต่อสายตาของทุกคน
“ดูอย่างนี้แล้วบนหนังสือบันทึกไว้ไม่ผิดนะ ที่นี่คือหลุมฝังศพของนักปราชญ์ฝานเทียนจริงๆ”ผู้หญิงชุดแดงจ้องมองหลุมแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น
“นักปราชญ์ฝานเทียน?”
หลินหยางสายตาตึงเครียด
“พี่เขย นักปราชญ์ฝานเทียนคืออะไรคะ?”ซูหยูถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เป็นร่างที่เล่าขานกันในตำนานโบราณ กล่าวกันว่าบุคคลผู้นี้มีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่สูงมาก เคยสังหารกองทัพนับแสนเพียงคนเดียว สุดท้ายเขาก็กลายเป็นเทพเซียนขึ้นสวรรค์ แต่บันทึกเหล่านี้ ไม่มีหลักฐานอะไร จนกระทั่งมีคนรู้สึกว่าคนผู้นี้เป็นตัวละคร ไม่มีอยู่ในประวัติศาสตร์! แต่ถ้าสุสานนี้เป็นสุสานของนักปราชญ์ฝานเทียนจริง ๆ นั่นก็แสดงว่าคน ๆ นี้มีอยู่จริง "
“พี่ไม่ใช่บอกว่าเขาบินขึ้นสวรรค์แล้วกลายเป็นเทพเซียนเหรอคะ? ทำไมถึงมีสุสาน?”ซูหยูถามอย่างระมัดระวัง
“เด็กโง่ บนโลกนี้จะมีเทพเซียนอะไรล่ะ?พวกประวัติศาสตร์ มีจริงมีปลอมทั้งนั้นแหละ ใครจะรู้ความเป็นจริงทั้งหมด?”หลินหยางยิ้มเจื่อนๆพูดขึ้น
“แล้ว….ผู้หญิงคนนั้นพาพวกเรามาทำอะไรที่นี่คะ?”ซูหยูถามขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้หลินหยางไม่ได้ตอบคำถามของเธอ
ถึงอย่างไรตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“หมอเทวดาหลิน มานี่สิ”
ผู้หญิงชุดแดงพลิกตัวลงจากม้า จากนั้นถือดาบมายืนอยู่ตรงข้างหลุมนั่น
“คุณคิดจะทำอะไร?”หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงอึมครึม
“คุณพาน้องสาวของคุณเข้าไปเถอะ”ผู้หญิงชุดแดงยิ้มพูดขึ้น
“ด้านในนี้มีอะไร?”
หลินหยางถามด้วยความสงสัย
เขาเคยได้ยินเรื่องนักปราชญ์ฝานเทียน แต่เรื่องสุสานของเขาคือไม่รู้ข้อมูลเลย
“คุณไม่มีสิทธิถาม ทางเลือกของคุณคือเข้าไป หรือไม่คุณก็เก็บศพน้องสาวของคุณซะ”ผู้หญิงชุดแดงยิ้มพูดขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...