ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างหลินหยางรีบหยิบเข็มเงินออกมาเสียบลงบนตัวของหลินหยางอีกครั้ง
“คุณไม่ได้สกัดจุดชีพจรของเขาเหรอ?” ผู้หญิงถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ผมสกัดแล้ว…”
“ไม่ถูกจุด?”
“เรื่องนี้…ผมไม่แน่ใจ” ผู้ชายส่ายหัว
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ผมตรึงเขาเอาไว้ได้แล้ว” ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างพูด
“น่าเสียดายที่มันไม่มีประโยชน์” หลินหยางดึงเข็มเงินออกมาทีละเล่ม
หลังจากเห็นภาพนี้ ลมหายใจของทุกคนหยุดชะงัก คนที่อยู่ข้างหน้าเหยียบเบรกอย่างกะทันหันจนรถจอด
ผู้หญิงและผู้ชายอีกคนหนึ่งรีบหยิบเข็มเงินออกมา คิดจะแทงลงบนจุดชีพจรของหลินหยาง
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ลงมือ หลินหยางได้ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปจับข้อมือของพวกเขาเอาไว้แล้ว
พวกเขารีบหันมาใช้มืออีกข้างหนึ่ง
เห็นเพียงหลินหยางปล่อยมืออย่างกะทันหัน สองมือของเขาคล่องแคล่วมาก เขาขว้างเข็มสองเล่มออกไปอย่างรวดเร็ว
รอจนกระทั่งตอนที่พวกเขายกมือขึ้น พบว่าบนแขนของตัวเองมีเข็มเงินเสียบอยู่ตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้นคนทั้งสองไม่สามารถขยับแขนได้
ลมหายใจของผู้ชายสวมหมวกที่อยู่ข้างหน้าหยุดชะงัก
ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวสามารถจัดการคนสองคนได้พร้อมกัน
ความสามารถของหมอเทวดาหลินเกินกว่าที่เขาประเมินไว้…
“พวกเขาไม่เป็นไร ขับรถต่อเถอะ”
หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
ดวงตาของผู้ชายสวมหมวกหยุดนิ่ง เขาจ้องมองหลินหยางด้วยความตกตะลึงสักพักใหญ่ เขาเข้าใจความหมายของหลินหยาง จึงหันกลับไปขับรถต่อโดยไม่พูดอะไร
“ดูเหมือนไม่ผิดแน่นอน” ผู้หญิงสวมแว่นกันแดดสีดำพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“แต่หลินหยางคุณอย่าเพิ่งได้ใจเกินไป อีกไม่นานคุณก็จะได้รู้ว่าเหนือคนยังมีคนเหนือฟ้ายังมีฟ้า” ผู้ชายอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองรู้สึกไม่พอใจ
หลินหยางไม่ได้พูดอะไร
ไม่นานรถถูกขับมาถึงตรงหน้าบ้านตระกูลลั่ว
หลินหยางเดินลงจากรถ
ส่วนคนที่เหลือดึงเข็มเงินบนร่างกายออกแล้วเดินตรงเข้าไปข้างใน
สิ่งที่ทำให้หลินหยางรู้สึกประหลาดใจคือบ้านตระกูลลั่วในเวลานี้เงียบมาก ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนจะมีคนใช้คอยเดินเข้าออกอยู่เป็นประจำ แต่วันนี้กลับไม่เห็นแม้แต่คนเดียว
หลังจากเดินตามคนทั้งสามเข้าไปในห้องรับแขก เขาพบว่าที่นี่มีผู้คนมารวมกันอยู่ไม่น้อย
นอกจากลั่วเป่ยหมิงและคนของตระกูลลั่ว ยังมีผู้ชายและผู้หญิงที่แต่งตัวแตกต่างกันออกไปไม่น้อย
คนพวกนี้บางคนก็สวมชุดสูทอย่างเป็นทางการ บางคนก็สวมชุดถังจวงหรือไม่ก็ฮั่นฝูให้ความรู้สึกโบราณ
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของหลินหยางมากที่สุดคือหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้สวมชุดประจำชาติ กำลังนั่งดื่มชาอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ตรงกลาง ท่าทางดูสงบและสบายใจมาก
ส่วนตรงหน้าของเธอมีคนคนหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น
หลินหยางคุ้นเคยกับคนคนนั้นเป็นอย่างดี!
เธอคือลั่วเฉียนที่ถูกพาตัวมาก่อนหน้านี้
ตอนนี้ตาทั้งคู่ของเธอแดงก่ำ กำลังสะอื้นร้องไห้คุกเข่าอยู่บนพื้น
ได้ยินเสียงมีคนเดินเข้ามา ผู้คนส่วนใหญ่หันมามอง โดยเฉพาะลั่วเฉียน
หลังจากที่เห็นหลินหยาง สีหน้าของลั่วเฉียนเริ่มซีดขาวแทบจะหมดสติไปในทันที เธอตะโกนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง “หลินหยาง รีบไป…รีบหนีไป…”
เธอตะโกนด้วยความสิ้นหวัง น้ำเสียงฟังแล้วรู้สึกแสบแก้วหูมาก
สีหน้าของหลินหยางเย็นชาลง
เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ได้เห็นท่าทางของลั่วเฉียน รู้ได้ในทันทีว่ามันไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่นอน
หลินหยางก้าวออกมาข้างหน้าประคองตัวของลั่วเฉียนลุกขึ้น
หลังจากที่ลองตรวจดูพบว่าเธอไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร เธอเพียงแค่รู้สึกเสียใจและตกใจจนอ่อนแรงไปเท่านั้น
“ลั่วเฉียน ผมจะพาคุณกลับไป” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ไม่ หลินหยาง คุณรีบไป รีบไปเดี๋ยวนี้เลย…” ลั่วเฉียนพูดด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอย่างกะทันหัน
“ไป? ยัยหนูในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว จะไปหรือไม่ไปมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ?” ในตอนนั้นเอง ผู้หญิงที่นั่งดื่มชาวางถ้วยชาลงอย่างกะทันหัน
“คุณป้า…อย่างน้อยก็ปล่อยหลินหยางไปเถอะ! เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้เลย ขอร้องปล่อยเขาไปเถอะ!” ลั่วเฉียนพูดทั้งน้ำตา
“ป้า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...