เมื่อลงจากเขาแล้ว หลินหยางจึงมุ่งตรงไปยังรถที่อยู่เชิงเขา และขับไปทางเมืองเจียงเฉิน
หลังจากกลับมาที่เมืองเจียงเฉิน ชวี่เทียนและคนอื่นๆ ตามมาในทันที
"ประธานหลิน สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง? พวกประธานหม่ายังสบายดีอยู่ไหม?"
ชวี่เทียนเอ่ยถามอย่างร้อนรนใจ
"ฉันคิดว่ายังไม่น่าจะอันตรายถึงชีวิต ลัทธิปีศาจสวรรค์ต้องการจะดึงฉันไปเป็นพวก ฉันจึงทำแบบขอไปที สองสามวันนี้พวกเขาน่าจะอยู่สงบสุข รอให้ฉันกลับมาจากเกาะบูรพาศักดิ์สิทธิ์ก่อน แล้วค่อยคิดหาหนทางช่วยเหลืออีกทีหนึ่ง"
หลินหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
อันที่จริงการเจรจาระหว่างหลินหยางกับสื่อหลงเทียนนั้น ก็คือแผนการถ่วงเวลา
เดิมทีหลินหยางไม่ได้เชื่อสิ่งที่เรียกว่าความเป็นอมตะเลย เป็นไปไม่ได้ที่ลัทธิปีศาจสวรรค์จะสามารถพัฒนาวิธีที่จะทำให้คนเป็นอมตะได้
ส่วนผู้คุมเขตต้องห้ามทั้งแปดนั้น พวกเขามีชีวิตอยู่มานานแล้ว แต่อายุไม่ถึงหลายพันปีอย่างแน่นอน หากประมาณการก็น่าจะมีอายุหลายร้อยปีเท่านั้น และหลินหยางได้กลิ่นยาที่รุนแรงมาจากผิวหนังและกล้ามเนื้อของพวกเขาอีกด้วย
คิดๆ ดูแล้วผู้คุมเขตต้องห้ามทั้งแปดนี้อาจจะถูกแช่อยู่ในยาชนิดหนึ่งหรือสภาพแวดล้อมพิเศษเป็นเวลาหลายร้อยปี อยู่ในสถานการณ์ที่หลับใหล ทำให้เนื้อหนังมังสาไม่แก่ชรา เหมือนกับการถูกแช่แข็งก็ไม่ปาน
เทคนิคประเภทนี้ ในทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันก็ถือได้ว่าไม่ได้แปลกประหลาดอะไร อย่างไรเสียผู้ป่วยระยะสุดท้ายจำนวนมากที่ยังไม่มีเทคนิคทางการแพทย์ที่จะรักษาอาการป่วยของพวกเขาได้ พวกเขาจึงเลือกที่จะนำตัวเองไปแช่แข็ง รอให้วันข้างหน้ามีเงื่อนไขและปัจจัยพัฒนาอย่างเต็มที่แล้ว ค่อยละลายออกมาเพื่อทำการรักษาอีกครั้งหนึ่ง
การพูดเรื่องไร้สาระกับสื่อหลงเทียนนั้น ก็เพียงเพื่อปกป้องชีวิตหม่าไห่และคนอื่นๆ ไว้
หลินหยางเชื่อว่า สื่อหลงเทียนก็ตระหนักได้ถึงจุดจุดนี้เช่นกัน
แต่ต่อให้เขาทราบถึงแผนถ่วงเวลาของหลินหยาง เขาก็ทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น
อย่างไรเสียสถานการณ์ของลัทธิปีศาจสวรรค์ในตอนนี้ หลินหยางยังถือว่าเป็นความช่วยเหลือจากภายนอก
"แม่ทัพหลิน! เรือเตรียมพร้อมแล้ว เราออกเดินทางกันเลยไหมครับ?"
เจี่ยกังในชุดสูทเดินเข้ามา และเอ่ยถาม
เวลาไม่คอยท่าแล้ว! ออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย!"
หลินหยางจ้องเขม็งและตะโกนกล่าวออกมา
ถึงแม้ว่าจะมีพิมพ์เขียว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มายังเกาะบูรพาศักดิ์สิทธิ์ บวกกับกฎเกณฑ์บนเกาะที่มากมาย หลินหยางต้องไปเพียงผู้เดียว อาจจะไม่สามารถเชิญผู้คนมาได้
ด้วยเหตุนี้เจี่ยกังจึงเดินทางไปที่เกาะบูรพาศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันกับหลินหยาง
เมื่อก้าวขึ้นเรือรบทางราชการ หลินหยางก็อยู่ในตำแหน่งหัวเรือ มองดูทะเลอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ในใจก็รู้สึกปลงอนิจจังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
"แม่ทัพหลิน! เกาะบูรพาศักดิ์สิทธิ์ได้หลบซ่อนจากโลกมาเกือบหนึ่งร้อยปีแล้ว! ในร้อยปีมานี้เราไม่เคยมีการติดต่อด้วยเลย ดูเหมือนว่าคนบนเกาะก็จะไม่ใช่คนกลุ่มนั้นในตอนนั้นอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ฉันจึงอยากบอกกับท่านไว้เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการยึดกุมคำสั่งของเกาะบูรพา และอาจจะไม่สามารถระดมกำลังยอดฝีมือของเกาะบูรพาศักดิ์สิทธิ์เข้ามาได้"
เจี่ยกังเดินไปข้างๆ หลินหยาง ลังเลเล็กน้อย และกล่าวออกมา
"ฉันรู้แล้ว"
หลินหยางพยักหน้า
คนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
สงครามพิทักษ์บ้านเกิดของแดนมังกรได้ผ่านไปร้อยปีแล้ว วีรบุรุษกลุ่มนั้นในสมัยนั้นเกรงว่าจะเหลืออยู่น้อยมาก คนรุ่นหลังก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรกับแดนมังกร หากพวกเขาก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ แน่นอนว่าจะดีที่สุด หากไม่ยอมออกจากเกาะ ก็พอที่จะรับได้เช่นกัน
"ตอนนี้ ขึ้นอยู่กับการพูดโน้มน้าวของคุณกับฉันเท่านั้น จะสามารถพูดกินใจพวกเขาได้หรือเปล่า"
หลินหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ถ้าเกี่ยวกับการเจรจา ฉันก็ยังพอใช้ได้ แต่ถ้าเกี่ยวกับการสู้รบเข่นฆ่า คงต้องพึ่งพาท่านแม่ทัพแล้ว!"
เจี่ยกังถอนหายใจและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขายังคิดว่าหลินหยางจะโกรธ แต่กลับเห็นสีหน้าเมินเฉยของหลินหยาง หินก้อนใหญ่ในใจของเขาก็ร่วงหล่นลงมา
"ใช่สิแม่ทัพหลิน ตามข้อมูลก่อนหน้านี้ คนของเหาะบูรพาศักดิ์สิทธิ์นิยมใช้กำลังกันเป็นอย่างยิ่ง ความหมายในที่นี้ก็คือพยายามอย่าให้เกิดความขัดแย้ง เพราะทุกๆ คนล้วนเป็นคนของแดนมังกร!" เจี่ยกังกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...