หลินหยางเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
เขารีบพุ่งออกไปและเข้าไปในห้องธุรการที่อยู่ข้างหลัง
สถานที่ตั้งของห้องธุรการที่อยู่ข้างหลังนั้นอยู่ไม่ไกลมากนัก
และห้องธุรการที่ว่านี้ก็เป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อใช้จัดการอุปกรณ์เครื่องมือโดยเฉพาะ
หากต้องทำการยึดครองตำหนักเทียนเสิน ฉะนั้นยาและเครื่องมืออุปกรณ์ของแต่ละคนล้วนเป็นปัญหาด้วยกันทั้งสิ้น ทำให้ทุ่งน้ำแข็งห้าทิศขอให้บรรดากลุ่มสำนักต่างๆ ที่มาเข้าร่วมจำเป็นต้องนำทรัพยากรเสบียงทั้งหมดของตัวเองมามอบให้พวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้นำมาบริหารจัดการได้อย่างสะดวก
จึงทำให้ทรัพยากรเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ถูกวางอยู่วางกองเป็นภูเขา
มากกว่าครึ่งของจำนวนทรัพยากรเครื่องมือเครื่องใช้เสบียงต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นของกลุ่มสำนักต่างๆ ที่เข้ามา
แต่เมื่อพวกมันถูกส่งมอบเข้ามายังห้องธุรการนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่มีใครได้แตะต้องของเหล่านี้อีกต่อไป และของทุกอย่างจะถูกจัดสรรโดยคนของทุ่งน้ำแข็งห้าทิศทั้งหมด
ทว่าเมื่อหลินหยางเข้าใกล้ห้องธุรการนี้ก็ดันเกิดเรื่องราวโกลาหลขึ้นมา
หนึ่งในนั้นมีเสียงฆ่าฟัน และยังมีเสียงกรีดร้องและร้องไห้โอดครวญอย่างทุกข์ทรมาน
หลินหยางตกใจและรีบวิ่งเข้าไปด้วยความเร็ว
และก็ได้เห็นคนของทุ่งน้ำแข็งห้าทิศจำนวนมากก็วิ่งเข้าไปด้วยเช่นกัน
เขารีบวิ่งพุ่งเข้าไปข้างในทันที
ไม่นานสิ่งที่ทำให้เขาโมโหอย่างมากก็ปรากฏขึ้นกับตา
จากนั้นเขาก็เห็นว่าห้องธุรการนี้เละเทะไม่เป็นระเบียบ บนพื้นเต็มไปด้วยซากศพและส่วนใหญ่ก็เป็นศพของคนตระกูลอวี่
อ้ายหร่านถือดาบอยู่ในมือและร่างกายของเธอก็เต็มไปด้วยบาดแผล เธอยืนตัวสั่นสะท้านอยู่กับที่
และรอบตัวของพวกเขาก็เต็มไปด้วยยอดฝีมือของทุ่งน้ำแข็งห้าทิศ
ส้าวปิงหยวนที่แต่งกายด้วยชุดราคาแพงยืนถือดาบและมืออีกข้างหนึ่งก็ถือแส้กำลังเดินไปหาอ้ายหร่าน
แส้นั้นมีคราบเลือดแปดเปื้อนอยู่
"อวี่อ้ายหร่าน พูดดีๆ ด้วยไม่ชอบใช่ไหม คิดว่าฉันไม่กล้าจัดการเธอหรือไง? ฉันจะบอกให้นะ ก่อนหน้านี้ที่ฉันเกรงใจเธอ ก็เป็นเพราะกลัวจะทำให้ชื่อเสียงของสำนักเสียหาย แต่เธอกลับคอยยั่วยุฉันตลอดเวลาและไม่เคยให้เกียรติฉันเลย ฉะนั้นฉันจะไม่เกรงใจเธออีกต่อไปแล้ว!"
ไม่พูดเปล่า ส้าวปิงหยวนยกแส้ขึ้นและฟาดไปที่อ้ายหร่านอย่างโหดเหี้ยม
วอี่อ้ายหร่านสูดหายใจเข้าและรีบยกดาบขึ้นป้องกัน
แต่เมื่อเธอยกดาบขึ้นมาก็ถูกยอดฝีมือที่อยู่ข้างๆ ใช้พลังปราณเพื่อกดควบคุม ทำให้เธอไม่สามารถหลบแส้เส้นนั้นได้
"หยุดเดี๋ยวนี้!"
หลินหยางสูดหายใจเข้าและตะโกนออกไปพร้อมกับวิ่งพุ่งเข้าไปทันที
ทว่าแส้เส้นนั้นได้ฟาดเข้าไปที่ร่างกายของอ้ายหร่านแล้ว
ทันใดนั้นเอง รอยแส้ฟาดก็ขึ้นมาจนแทบเห็นกระดูกและเลือดก็ไหลออกมาเปื้อนไปทั่วเสื้อผ้าของอ้ายหร่าน ส่วนคนอื่นๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบเป็นลมหมดสติไป
ส้าวปิงหยวนยกดาบขึ้นอีกครั้งและฟาดไปที่อ้ายหร่าน
หลินหยางคว้าไปที่แส้นั้นได้อย่างรวดเร็ว
และเขาก็พบว่าบนแส้นั้นได้ทายาน้ำชนิดพิเศษขึ้นเพื่อสามารถหลบเลี่ยงพลังปราณได้อย่างง่ายดาย
หากถูกฟาดด้วยแส้นี้ไม่เพียงไม่กี่ครั้ง ก็เหมือนการถูกฟันด้วยดาบ!
ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก!
"หลินหยาง?"
อ้าหยร่านร้องเสียงด้วยเสียงอ่อนล้าและแผ่วเบา
"คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?"
หลินหยางหันไปถามอย่างเคร่งขรึม
อ้ายหร่านยิ้มออกมาและส่ายหน้า จากนั้นก็ทรุดตัวลงและกุมไปที่บริเวณบาดแผลของตัวเองอย่างไม่อาจทนได้อีกต่อไป
หลินหยางรีบหยิบยาออกมาและยัดใส่ปากให้เธอกินอย่างรวดเร็ว
ทำให้อ้ายหร่านค่อยๆ มีอาการดีขึ้น
"แกเป็นใครกัน?"
ส้าวปิงหยวนเห็นมีคนกล้าเข้ามาขัดขวางเขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาและตะคอกออกไปอย่างหงุดหงิด
หลินหยางจับมือเขาทันที
ปัง!
แส้เส้นนั้นที่อยู่ในมือของส้าวปิงหยวนก็แตกละเอียดและกระเด็นลอยไปทั่วทุกทิศ
เขาสูดหายใจเข้าและจากนั้นก็ถอยหลังไปสองสามก้าว
ส้าวปิงหยวนเองก็รีบแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม
"ปิงหยวน นายก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ?"
หัวเฟิงยินขมวดคิ้วมองไปยังคนของตระกูลอวี่ที่นอนเกลื่อนอยู่เต็มพื้นและถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม
"พี่หัว ผมไม่ได้ก่อเรื่อง แต่คนของตระกูลอวี่ไม่เชื่อฟัง ผมก็เลยต้องอบรมสั่งสอนพวกเขาเท่านั้นเอง!"
ส้าวปิงหยวนกล่าวและจากนั้นก็ชี้ไปยังอ้ายหร่านที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล "ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ และรู้สึกว่าเธอมีร่างกายที่พิเศษสามารถใช้เป็นเพื่อนในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้ แต่คนเหล่านี้กลับกล้าปฏิเสธผมอย่างไม่ยำเกรง แถมยังคอยทำให้ผมรู้สึกถูกดูถูกเหยียดหยามอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ผมจะทนได้ยังไง?"
หัวเฟิงยินเองก็ไม่จะว่าไม่รู้นิสัยของส้าวปิงหยวน จะต้องเป็นเพราะเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้น แต่ตระกูลอวี่ไม่ยอม ก็เลยทำให้เกิดเรื่องบาดหมางขัดแย้งกันขึ้นมา
แต่เพราะความยิ่งใหญ่มีหน้ามีตาของส้าวปิงหยวน ฉะนั้นจะมีใครกล้าปฏิเสธเขาอีกอย่างนั้นเหรอ?
หัวเฟิงยินส่ายหน้าและสังเกตมองอ้ายหร่านและอดไม่ได้ที่จะแสดงแววตาเปล่งประกายพร้อมกับพยักหน้า "เป็นผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ!"
"แต่พี่หัว...เรื่องนี้จะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้"
ส้าวปิงหยวนรู้สึกไม่ยอม
แต่หัวเฟิงยินกลับแสดงสีหน้าเคร่งขรึม "แล้วนายคิดจะทำยังไง? ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เหรอ? ที่นี่ที่ไหน? สถานที่สำคัญมากขนาดนี้ จะปล่อยให้นายก่อเรื่องทะเลาะวิวาทได้ยังไง? รีบพาคนของนายออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!"
ส้าวปิงหยวนแอบกัดฟันกรอด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของหัวเฟิงยิน และทำได้เพียงพาคนของเขาออกไป
แต่ขณะนี้เอง หลินหยางก็กล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น "ทำไม? คิดจะจบเรื่องนี้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ?"
เมื่อพูดจบ ส้าวปิงหยวนและพวกก็รู้สึกโมโหขึ้นมา
"เป็นแค่ตระกูลอวี่ก็กล้าคิดจะลองดีกับเรางั้นเหรอ? อยากตายหรือไง?" ส้าวปิงหยวนตะคอกเสียงดัง
"ปิงหยวน!"
หัวเฟิงยินหันไปตวาดใส่เพื่อให้เขาหุบปากและจากนั้นก็หันไปกล่าวกับหลินหยาง "ประเดี๋ยวคุณส่งคนไปรับยาที่ห้องยา แล้วผมจะส่งคนจำนวนหนึ่งไปรักษาให้พวกคุณ! แล้วเรื่องนี้ก็จบกัน! เข้าใจไหม?"
สำหรับกลุ่มอำนาจเล็กๆ นั้น การจัดการของหัวเฟิงยินเช่นนี้ถือเป็นวิธีการที่ดีมากที่สุดแล้ว
แต่ในสายตาของหลินหยางเองกลับรู้สึกไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่นิดเดียว
"แล้วเขาคนนี้ล่ะ?"
เขายกมือขึ้นและชี้ไปที่ส้าวปิงหยวน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...