การแข่งรอบที่สามเริ่มต้นขึ้นไม่ถึงหนึ่งนาที…ก็จบแล้ว!
นี่คงจะเป็นการแข่งที่ใช้เวลาน้อยที่สุดของบ้านโอสถฉีแล้วมั้ง…
วินาทีนี้สมองของทุกคนว่างเปล่าไปหมด ยากที่จะคิดตามเหตุการณ์ให้ทัน
โดยเฉพาะพวกหลัวฟู่หรง
สีหน้าของแต่ละคนดูเหม่อลอย มองไปทางเฝิงฉืออย่างไม่เชื่อสายตา บนใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกใจ
จื่อเย่และเซียวชื่อเจี๋ยมองตาค้างตั้งนานแล้ว
หวังปิงเตี๋ยและซีโหรนเซียนก็ไม่รู้ว่าควรจะสรรหาคำไหนมาอธิบายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้
เห็นเพียงนักเรียนคนหนึ่งที่ตั้งสติได้ หันไปพูดกับเฝิงฉือด้วยเสียงที่สั่นเทา “รองเจ้าบ้านโอสถ อยู่ดีๆทำ…ทำไมถึงบอกว่าจบแล้ว?”
“ไม่จำเป็นต้องเริ่มอีกแล้ว!”
เฝิงฉือส่ายหัวแล้วพูด
หลังจากได้ยินคำพูดประโยคนี้ ความหวังสุดท้ายของทุกคนมอดดับลงทันที
เรื่องนี้แทบจะเป็นการยอมรับความจริงในทางอ้อม
โสมทั้งสามต้นของโม่เเสี่ยวหวู่…ก็คือโสมพันปี…
“เป็นไปไม่ได้!” นักเรียนคนนั้นไม่สามารถยอมรับความจริง เขารีบตะโกนเสียงดัง “รองเจ้าบ้านโอสถ เห็นได้ชัดว่าโสมทั้งสามต้นเป็นโสมห้าร้อยปี…มันจะเป็นโสมพันปีได้ยังไง? แม้แต่ผมเองก็ยังสามารถระบุอายุของมันได้!”
“ก็เพราะแม้แต่คุณก็สามารถระบุ! เพราะแบบนี้จึงแสดงให้เห็นว่ามีปัญหา!” ทางด้านของอาจารย์ซือถูพูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์
“หมายความว่ายังไง?”
นักเรียนคนนั้นถามด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ง่ายมาก เพราะ…โสมพวกนี้มีการเติมแต่ง!” ไม่รอให้อาจารย์ซือถูพูด ทางด้านของซวนเย้าพูดออกมาโดยตรง
“เติมแต่ง?” ลมหายใจของนักเรียนคนนั้นหยุดชะงัก
แต่จื่อเย่และเซียวซื๋อเจี๋ยกลับเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างกะทันหัน สีหน้าของทั้งสองคนซีดขาวจนถึงขีดสุดทันที
หลัวฟู่หรงและคนอื่นยังคงรู้สึกสงสัย เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจ
“รุ่นพี่ซวนเย้า คุณช่วยอธิบายให้มันเข้าใจง่ายหน่อยได้หรือเปล่า?” หลัวฟู่หรงลังเลสักพักแล้วถาม
เห็นเพียงซวนเย้าเดินไปทางหลินหยางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “อย่าว่าแต่โสมพันปีเลย โสมที่มีอายุสองพันปีผมก็เคยเห็นมาแล้ว ด้วยความสามารถของผม ไม่ว่าจะเป็นโสมอายุร้อยปีแบบไหนผมก็สามารถระบุได้ แต่ครั้งนี้ผมกลับลังเล เพราะผมพบว่าโสมพันปีที่ว่ามันไม่ได้จริงขนาดนั้น ถ้าหากผมเดาไม่ผิด โสมพวกนี้น่าจะโดนทำอะไรบางอย่าง รองเจ้าบ้านโอสถน่าจะนำโสมพันปีแต่งเติมให้เป็นโสมร้อยปี และโสมร้อยปีแต่งเติมเป็นโสมพันปี! เพราะแบบนี้ ผมถึงรู้สึกลังเล…”
คำพูดประโยคนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการเดือดพล่านขึ้นมาทันที
“อะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“นี่…นี่มันบ้าไปแล้วมั้ง?”
“ถึงว่าทำไมหลังจากที่คนคนนั้นนำโสมร้อยปีทั้งสามต้นมา ก็ประกาศว่าสามอันดับแรกต้องเป็นของเขาแน่นอน”
“แต่ว่า…เขารู้ได้ยังไงว่านี่คือโสมพันปี?”
“โม่เสี่ยวหวู่คนนี้ร้ายกาจเกินไปหรือเปล่า?”
“มันผิดปกติยังไงไม่รู้!”
เสียงพูดของทุกคนดังขึ้นจากโดยรอบ
สายตาที่ทุกคนมองมาทางโม่เสี่ยวหวู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและตกใจ
ต้องบอกก่อน แม้แต่ซวนเย้าก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นโสมพันปีในทันที แต่ทำไมโม่เสี่ยวหวู่ถึงทำได้?
หรือว่าความสามารถของเขาเหนือกว่าซวนเย้าเหรอ?
ทุกคนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกตกใจ
“บ้านโอสถฉีของเราไม่ได้สอนวิชาที่ตายตัว ถ้าหากพวกคุณเอาแต่ประเมินยาสมุนไพรตามตำรา นั่นจะทำให้พลาดหลายสิ่งหลายอย่าง! การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด! การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด!” ในตอนนั้นเอง เฝิงฉือพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
ทุกคนหันไปมองทางเขาพร้อมกัน
เห็นเพียงเขาหยิบโสมทั้งสามต้นที่อยู่ตรงหน้าของหลินหยางขึ้นมา หลังจากนั้นเทผงอะไรบางอย่างออกมาจากขวดที่นักเรียนด้านข้างส่งมา แล้วนำมันมาถูลงบนโสม
ทันใดนั้น โสมที่เคยมีสีซีดเริ่มดูสว่างสดใสอย่างกระทันหัน ราวกับเป็นหยกที่สวยงาม
“ว้าว!”
เสียงอุทานดังขึ้น
ครั้งนี้ในที่สุดทุกคนก็ยอมรับความจริงแล้ว สายตาที่มองไปทางโม่เสี่ยวหวู่หรือก็คือหลินหยางเต็มไปด้วยความหรือเชื่อ
“บัดซบ หมอนี่ไปทำอะไรมาถึงโชคดีขนาดนั้น ถึงขั้นสามารถมองทะลุการแต่งเติมจนหาโสมพันปีเจอ?” หลัวฟู่หรงกัดฟันแน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...