เมื่อเห็นตำรวจเชิญเจ้าหน้าที่วินิจฉัยเฉพาะทางมายังห้องจัดเลี้ยง ฉีหวานอวี่ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
"พี่ นี่....นี่ควรจะทำยังไงกันดี?"
ฉีหวานอวี่คว้าแขนของฉีเฟยหลง และเอ่ยถามด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
แต่ในขณะนี้ฉีเฟยหลงก็สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
เขามองไปทางฉีซือโหมว
แต่ในขณะนี้ฉีซือโหมวก็จนปัญญาเช่นกัน
"ไปแจ้งให้ทุกคนทราบ บอกให้พวกเขาลบข้อมูลของเรื่องนี้ออกจากทุกๆ โซเชียลทันที อย่าให้ถูกถ่ายภาพใดๆ ออกไปเด็ดขาด และอย่าให้ใครเอ่ยถึงเรื่องที่งานเลี้ยงนี้อีก"
ฉีซือโหมวกล่าวอย่างเย็นชา
"ครับ คุณปู่"
ฉีเฟยหลงพยักหน้า และวิ่งออกไปดำเนินการทันที
ไม่นาน เจ้าหน้าที่วินิจฉัยก็แจ้งให้ทราบว่า บนตัวของอี้เฟิงไม่ได้มีลายนิ้วมือของซูเหยียนเลย
ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูเหยียนไม่ได้แตะต้องอี้เฟิงเลย!
เมื่อตำรวจประกาศผลการวินิจฉัยต่อสาธารณชน อี้เฟิงก็นั่งเป็นอัมพาตอยู่บนเก้าอี้ และหายใจอย่างอ่อนแรง
เขาหันกลับไป มองฉีเฟยหลงทันที ในแววตาเผยให้เห็นถึงความหวัง
"อย่ากังวลไปเลย เราจะประกันตัวคุณเอง! เรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณจนเกินไป เมื่อคุณไปถึงสถานีตำรวจ จะต้องบอกว่าแค่ล้อเล่นกับซูเหยียนเท่านั้น เข้าใจไหม? ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ไม่ต้องพูด เข้าใจหรือเปล่า?"
ฉีเฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ถึงแม้อี้เฟิงจะไม่พูดอะไร แต่ตอนนี้ทำได้เพียงฟังคำพูดของฉีเฟยหลงเท่านั้น
ไม่นาน อี้เฟิงก็ถูกตำรวจนำตัวไป
"คุณปู่ เราจะต้องคิดหาวิธีเอาอี้เฟิงออกมานะครับ มิเช่นนั้นถ้าเขาบอกตำรวจว่าฉันเป็นคนบอกให้เขาทำละก็! เราจะต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน!"
"ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก การหาคนจากสถานีตำรวจนั้นไม่ยาก"
ฉีซือโหมวทำเสียงไม่พอใจ และกล่าวว่า : "ทุกท่าน เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ ฉันคิดว่าทุกท่านคงไม่มีกะจิตกะใจที่จะอยู่ในงานเลี้ยงต่อไปแล้ว ฉันจึงขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า งานเลี้ยงจะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ทุกท่านสามารถกลับไปพักผ่อนได้"
ผู้คนพยักหน้าอย่างเงียบๆ แล้วก็เข้าใจดีว่าฉีซือโหมวไม่ได้มีอารมณ์ที่จะจัดงานเลี้ยงต่อไป จึงทำได้เพียงยกแก้วดื่มเหล้าทำความเคารพและจากไป
"คุณพวกก็ไสหัวไปได้แล้ว!"
ฉีเฟยหลงจ้องมองกลุ่มของหลินหยางอย่างเย็นชา และออกคำสั่งไล่แขกทันที
"ไสหัวไป? โรงแรมนี้ไม่ใช่ของครอบครัวคุณไม่ใช่เหรอ?"
หลินหยางกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
"แต่เราจองที่นี่ไว้แล้ว!" ฉีเฟยหลงตะคอกออกมา
"ฉันจะซื้อคืนกลับมาด้วยราคาสองเท่าเมื่อใดก็ได้"
"แก....."
"อย่าใจร้อนสิ ฉันก็ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่เหมือนกัน! เพราะสถานที่นี้มันน่าขยะแขยง!"
หลินหยางกล่าวอย่างนิ่งๆ
ฉีซือโหมวโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ เขากำหมัดแน่น แทบอยากจะฉีกไอ้คนคนนี้ที่ไม่รู้จักดีเลวให้เป็นชิ้นๆ เลย
แต่หลินหยางไม่สนใจ และตะโกนไปยังกลุ่มคนที่กำลังเตรียมตัวจะออกไป
"พวกแกฟังฉันนะ!"
ประโยคเรียบง่าย ได้หยุดทุกคนเอาไว้
ทุกๆ คนต่างมองไปที่หลินหยาง
ซูเหยียนตกตะลึง รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ รีบดึงชายเสื้อของหลินหยางเอาไว้ เพื่อแสดงเจตนาว่าให้เขาอย่าก่อความวุ่นวาย
แต่เพียงแค่จัดการกับอี้เฟิง หลินหยางจะยินยอมได้อย่างไร?
"เมื่อครู่นี้ ฉันได้ฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จากปากของผู้กำกับซ่งแล้ว! ฉันรู้แล้วว่าพวกคุณได้วิพากษ์วิจารณ์คุณซูหยูน้องสาวของฉัน และรู้ว่าพวกคุณวางแผนร่วมมือกันแบนซูหยูกับผู้กำกับซ่งด้วย!"
"ดังนั้นคุณคิดที่จะทำอะไร? จะประณามพวกเราเหรอ?"
นักแสดงตลกท่านหนึ่งพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
"ฮ่าๆๆๆ ......."
คนในสถานที่นั้นต่างพากันหัวเราะ
หลินหยางส่ายหัว : "ฉันเพียงแค่อยากตักเตือนพวกคุณก็เท่านั้น ว่าถ้าพรุ่งนี้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินพวกคุณคุกเข่าขอโทษผู้กำกับซ่งและคุณหนูซูหยูด้วยตนเอง เช่นนั้น เรื่องนี้ ยังจะช่วยให้มีทางรอดพ้นได้!"
ผู้คนต่างมองหน้ากันไป มองหน้ากันมา จากนั้น......
"ฮ่าๆๆ ......"
เสียงหัวเราะดังสนั่นไปทั่วทั้งงานเลี้ยง
"คุณเหอ ฉันว่าคนที่ชื่อหลินหยางคนนี้เหมาะกับเป็นนักแสดงตลกมากกว่าคุณอีก!"
"ฉันคิดว่าถ้าหลงกั๋วต้องการสร้าง《โจ๊กเกอร์》เวอร์ชันจีนขึ้นมา คุณผู้ชายท่านนี้เหมาะสมที่จะเป็นนักแสดงมากที่สุดแล้ว!"



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...