"อาจารย์ เขาตายแน่! คราวนี้เขาตายแน่นอน!" เจิ้งตานวิ่งเข้าไปหัวเราะแห่ๆแล้วพูด
"แค่นี้เหรอ? ผมคิดว่าหมอนี่จะสร้างปาฏิหาริย์ที่น่าทึ่งอะไรเสียอีก" ซ่าวไห่หัวเราะเสียงเบาแล้วพูด
"ยังไงเขาก็เป็นถึงคู่แข่งของอดีตเจ้านิกาย มันใช่เด็กรุ่นหลังอย่างคนแซ่หลินสามารถรับมือได้เหรอ? เขาสามารถสู้จนถึงตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากแล้ว!" กุยโซพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
"สามารถไล่ต้อนจนถึงขนาดนี้ถือว่าไม่ธรรมดา" หลิ่วซื่อเฟิงพยักหน้า หันไปมองอาวุโสคนอื่น "อาวุโสทุกท่าน ต่อจากนี้พวกเราจะเอายังไงต่อ?"
"บั่นทอนกำลังของเขาต่อไป ผมรู้สึกว่าคนคนนั้นเพิ่งจะออกแรงได้ไม่เท่าไหร่เอง ถ้าพวกเราลงมือตอนนี้มันยังเร็วเกินไป บอกให้พวกลูกศิษย์เตรียมตัวให้พร้อม!" กุยโซพูด หลังจากนั้นหันไปมองทางซูโม่หยุน
หลิวซื่อเฟิง ซ่าวไห่และคนอื่นก็หันไปมองเช่นกัน
ตามที่ตกลงกันไว้ ตอนนี้ถึงคิววังจิั้นหวังของซูโม่หยุนแล้ว
ซูโม่หยุนก็ไม่เกรงใจ เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย "หวู่จี๋!"
"ครับ!"
หวู่จี๋ตอบรับด้วยสีหน้าที่ดูน่าเกลียดมาก
"อุ่นเครื่องรอเลย!" ซูโม่หยุนพูด
ทุกคนรู้สึกเสียวสันหลังทันที
"ครับ…อาจารย์"
หวู่จี๋ตอบรับเสียงเบา แววตาปรากฏให้เห็นความเจ็บปวด
"อาจารย์! ไม่ได้เด็ดขาด!"
ฟ้านเฟิงรีบพุ่งเข้ามา
"จับตัวเขาเอาไว้!"
ก่อนที่ซูโม่หยุนจะได้พูดอะไร หวู่จี๋รีบสั่งให้ลูกศิษย์สองคนเข้าไปจับตัวฟ้านเฟิง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาก่อกวน
"ศิษย์พี่! คุณลงมือไม่ได้เด็ดขาด! ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องตายอยู่ที่นี่! คุณจะต้องตายอยู่ที่นี่! ไม่ได้เด็ดขาด! ไม่ได้!"
ฟ้านเฟิงถูกลูกศิษย์สองคนจับตัวเอาไว้ เขาพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งแต่มันไม่มีประโยชน์
บนใบหน้าของหวู่จี๋ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่ขมขื่น เดินเข้าไปตบไหล่ของฟ้านเฟิง "ศิษย์น้อง ไม่ต้องห่วง ผมจะหาวิธีเอาตัวรอดเอง!"
"ศิษย์พี่…"
ฟ้านเฟิงตะโกนทั้งน้ำตา
มีลูกศิษย์ของตำหนักเดียวกันก็แอบเช็ดน้ำตาเช่นกัน
กลับได้ยินหวู่จี๋พูดเสียงเบา "คุณรีบหาวิธีพาทุกคนไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!"
ฟ้านเฟิงเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
"ศิษย์พี่หลินคนนั้นพูดถูก อาจารย์เขาบ้าไปแล้ว พวกอาวุโสก็บ้าไปหมดแล้ว พวกเขาไม่เห็นพวกเราเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ พวกเขาเห็นพวกเราเป็นแค่เครื่องมือ เป็นแค่เครื่องมือที่ใช้สำหรับบั่นทอนกำลังของคนเฝ้าสุสานคนนั้น! ไป! ต้องหาวิธีไปจากที่นี่ให้ได้!"
หวู่จี๋มองฟ้านเฟิงด้วยสายตาที่แน่วแน่ หลังจากนั้นหันหลังแล้วก้าวออกไป
ฟ้านเฟิงตกตะลึงอยู่ตรงที่เดิม ราวกับวิญญาณของตนเองหลุดลอยไปแล้ว
ถูกต้อง…จำเป็นต้องไปจากที่นี่! ไม่เช่นนั้น ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะถูกบังคับให้สู้กับคนเฝ้าสุสานคนนั้น และอาจจะถูกฆ่าจนหมดทุกคน
ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ทุกคนต้องตายสถานเดียว!
จำเป็นต้องไปจากที่นี่!
ฟ้านเฟิงหน้าซีด ครุ่นคิดวิธีไปจากที่นี่ด้วยความปวดใจ
โครม! !
ไปตอนนั้นเอง มีเสียงระเบิดที่แสบแก้วหูดังขึ้น
ทันใดนั้น ราวกับเขาได้ยินเสียงคำรามที่เกรี้ยวกราด
ราวกับ…เป็นเสียงคำรามของกิเลน!
ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า!
ทุกคนตกตะลึง
หันไปมองพร้อมกัน
กลับเห็นภาพเงาของเสือตัวใหญ่ที่ยืนอยู่บนเนินเขาสูงระเบิดอย่างกะทันหัน
หลังจากนั้น พลังลมปราณสีแดงสายหนึ่งไหลเวียนไปทั่วฟ้าดิน
ทันใดนั้น ทุกคนสามารถมองเห็นภาพเลือนลางที่คล้ายคลึงกับกิเลนปรากฏขึ้น!
ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ตบร่างเงาของเสือจนแตกสลายไปทันที!
วิชาวิชาเทพพยัคฆ์หยิ่งผยองถูกทำลายทั้งแบบนี้!
โดยเฉพาะชายชราที่อยู่บนหลังเสือลอยกระเด็นออกไปกระแทกใส่พื้นอย่างแรง ตรงมุมปากมีเลือดสายหนึ่งไหลออกมา เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บภายใน
ส่วนหลินหยางไม่ได้ถูกภาพเงาของเสือขย้ำจนแหลก เขายืนจ้องชราอยู่ตรงที่เดิมด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
กลิ่นอายที่อยู่บนร่างกายค่อนข้างดุดัน กลายเป็นกิเลนตัวใหญ่ยืนจ้องชายชรา
ทุกคนที่อยู่โดยรอบมองตาค้างกันหมด
เจ้าตำหนักชิงเหอ…มีวิชาแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย!
แม้กระทั่งชายชราก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้!
สีหน้าของอาวุโสทุกคนน่าเกลียดจนถึงขีดสุด
โดยเฉพาะซ่าวไห่
เขารู้ว่าหลินหยางเป็นคนมีความสามารถ แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะแข็งแกร่งจนน่ากลัวถึงขนาดนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...