ทันทีที่สิ้นเสียงคำพูดของเฟิงซิ้นจื่อ ทำให้มีผู้คนไม่น้อยขมวดคิ้วแน่น
แต่ทุกคนไม่ได้คัดคานคำพูดของเธอ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอพูดมันคือเรื่องจริง
คนของตำหนักป๋ายฉ่าวมีอยู่แค่นี้ จำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเกินกว่าจำนวนหมอไปเยอะมาก และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายคนจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน จะรอช้าไม่ได้เด็ดขาด แต่ถ้าหากทำการรักษาคนที่มีอาการสาหัสก่อน คนที่อาการไม่ได้หนักมากก็ต้องรอ โรคภัยไข้เจ็บยิ่งปล่อยไว้เป็นเวลานานก็ยิ่งร้ายแรง ไม่เพียงแค่ทำให้สูญเสียคนมากขึ้นเท่านั้น คนของตำหนักป๋ายฉ่าวก็ต้องเหนื่อยมากขึ้นด้วย
"เจ้าตำหนัก ผมรู้ คุณเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ต้องการทำคุณประโยชน์เพื่อคนของตำหนัก แต่คุณต้องเข้าใจด้วยว่าคุณไม่ใช่เทพ สิ่งที่พวกเราทุกคนสามารถทำได้ก็ควรจะทำ แผนที่ดีที่สุดของพวกเราในตอนนี้คือทิ้งคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ใช้ยาและคนไปช่วยคนที่สามารถช่วยได้แทน ไม่เช่นนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คนของตำหนักป๋ายฉ่าวไม่เพียงแต่ต้องเหนื่อยเท่านั้น แม้แต่ประสิทธิภาพในการรักษาก็จะลดลง คุณคิดว่าแบบนี้ดีหรือเปล่า?" ชายชราคนหนึ่งก้าวออกมาจ้องหลินหยางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
"ดังนั้น พวกคุณจะไม่รักษา?" หลินหยางมองเฟิงซิ้นจื่อ
"ไม่ใช่ไม่รักษา แต่ไม่มีกำลังคนและยาเพียงพอสำหรับรักษา!" เฟิงซิ้นจื่อพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
คนที่เหลือของตำหนักป๋ายฉ่าวก็มีท่าทีแบบนี้เหมือนกัน
"ก็ได้!"
หลินหยางพยักหน้า เริ่มทำการตรวจอาการของคนที่อยู่ตรงหน้าต่อ ในขณะเดียวกันปากก็พูดไปด้วย "ในเมื่อเป็นแบบนั้น ผมจะเป็นคนรักษาคนพวกนี้เอง! พวกคุณแค่จะช่วยผมเตรียมวัตถุดิบก็พอ"
"อะไรนะ?"
เฟิงซิ้นจื่อรู้สึกอึ้ง
ผู้คนที่อยู่โดยรอบก็มองเขาด้วยความตกใจเช่นกัน
"เจ้านิกาย คุณ…คุณไม่ได้พูดผิดใช่หรือเปล่า? คนพวกนี้…ปล่อยให้คุณรักษา?" ชายชราก่อนหน้านี้ก้าวออกมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ลิ้นพันกัน
"มีปัญหาอะไรเหรอ?" หลินหยางทำการรักษาไปด้วยพูดไปด้วย
"นี่…" น้ำเสียงของชายชราเริ่มแหบแห้ง
แต่เฟิงซิ้นจื่อกลับส่งเสียงฮึ่ม "เจ้านิกาย คุณต้องเข้าใจด้วยว่าตอนนี้มีคนหลายพันคน! คุณจะรักษาพวกเขาด้วยตัวคนเดียว? แบบนี้ไม่เท่ากับกำลังพลิกสวรรค์เหรอ? คุณสามารถตรวจอาการของพวกเขาทุกคนไว้เหรอ?"
เฟิงซิ้นจื่ิอไม่เชื่อ
เฉลี่ยให้คนละสิบนาที สถานที่แห่งนี้มีคนอยู่เป็นพัน เขาไม่มีทางตรวจจนครบทุกคน
"อาวุโสเฟิง คุณกำลังสงสัยในตัวผมเหรอ?"
หลินหยางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปทางเฟิงซิ้นจื่อ
"ไม่กล้า ฉันแค่เป็นคนไม่ชอบคนที่พูดจาโวหาร ฉันเป็นคนตรงไปตรงมา มีอะไรก็พูดอย่างนั้น ใครดีใครชั่วฉันก็ชี้ออกมาทุกคน และไม่สนด้วยว่าสถานะของเขาคนนั้นจะเป็นยังไง ถ้าหากเจ้านิกายรับไม่ได้ สามารถลงโทษฉันได้เลย! ท้ายที่สุดคุณคือเจ้านิกาย ชีวิตของฉันมันก็แค่ขึ้นอยู่กับคำพูดประโยคเดียวของคุณเท่านั้น!" เฟิงซิ้นจื่อส่งเสียงฮึ่ม พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
"บังอาจ!"
หลินหยางลุกขึ้นตะคอกใส่เฟิงซิ้นจื่ออย่างกะทันหัน
คนของตำหนักป๋ายฉ่าวสะดุ้งตกใจ แต่ทุกคนก็ยังเข้าไปรุมล้อมข้างกายของเฟิงซิ้นจื่อพร้อมกัน และใช้สายตาที่หวาดระแวงจ้องหลินหยาง
เห็นได้ชัด พวกเขายังไม่ยอมรับหลินหยาง!
ถึงแม้คนคนนี้จะเป็นเจ้านิกาย แต่ในสายตาของพวกเขา มีเจ้านิกายหรือไม่มีมันไม่ได้สำคัญมาก
เพราะความเชื่อที่แท้จริงของพวกเขาคือเฟิงซิ้นจื่อ อาวุโสของตำหนักป๋ายฉ่าวคนนี้
ถ้าหากเฟิงซิ้นจื่อออกคำสั่งให้ลูกศิษย์พวกนี้เข้าไปฆ่าหลินหยาง พวกเขาก็จะไม่ลังเลทันที
หลินหยางย่อมสามารถมองจุดนี้ออก
ส่วนผู้คนที่อยู่โดยรอบก็มองมาทางเขา
"เจ้านิกายใจเย็นก่อน!"
หลิวหม่ารีบก้าวออกมาพูดเสียงเบา "เจ้านิกาย คุณอย่าไปถือสาอาวุโสเฟิงซิ้นจื่อเลย! ยังไงเธอก็เป็นเจ้าตำหนักของตำหนักป๋ายฉ่าว ยิ่งไปกว่านั้นเป็นที่เคารพในนิกาย ถ้าหากคุณแตะต้องเธอ เกรงว่า…มีแต่จะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อนิกายของเราเท่านั้น"
"ดังนั้น? ผมในฐานะเจ้านิกายก็ห้ามยุ่งกับคนคนนี้?" หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอาวุโสเฟิงซิ้นจื่อ ผู้บาดเจ็บที่นี่…ใครจะเป็นคนรักษา?" มีคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ลำบากใจ
"หรือเจ้านิกายของพวกคุณรักษาไม่ได้เหรอ? พวกคุณคิดว่าขาดทักษะการแพทย์แค่นั้นของเธอ พวกคุณก็จะอยู่ไม่รอดเหรอ? น่าขำ!" หลินหยางพ่นลมออกจากจมูกฮึ่ม หลังจากนั้นพูดเสียงดัง
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ของความดูถูก
คำพูดประโยคกระตุ้นต่อมความโกรธของเฟิงซิ้นจื่อโดยตรง
"เจ้านิกาย คุณ…คุณพูดอะไรนะ?"
"ทำไม? หรือว่าหูของอาวุโสไม่ดี? ไม่ได้ยินที่ผมพูดเหรอ?" หลินหยางหันหน้าไปพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์
"คุณกำลังสงสัยทักษะการแพทย์ของฉัน?" เฟิงซิ้นจื่อชี้หน้าของหลินหยาง พูดด้วยเสียงที่สั่นเทา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...