ศึกเดือด มหากาฬ นิยาย บท 36

สรุปบท บทที่ 36 การตัดสินใจของวังจ่างหลิน: ศึกเดือด มหากาฬ

สรุปเนื้อหา บทที่ 36 การตัดสินใจของวังจ่างหลิน – ศึกเดือด มหากาฬ โดย Light-Knight

บท บทที่ 36 การตัดสินใจของวังจ่างหลิน ของ ศึกเดือด มหากาฬ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Light-Knight อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เมื่อวังจ่างหลินกลับถึงบ้าน ก็มีหนุ่มสาวสองคนเดินเข้ามาต้อนรับ

“พ่อครับ พ่อไปไหนมาหรือครับ ? วันนี้ช่วงบ่ายมีประชุมผู้บริหาร ทำไมจู่ ๆ พ่อถึงออกไปล่ะครับ ?”

ลูกชายคนโตวังสิ้ง พูดขึ้นด้วยความกังวล

เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เขาได้รับโทรศัพท์หนึ่งสาย บอกว่าวังจ่างหลินทิ้งบรรดาผู้บริหารเอาไว้โดยไม่สนใจไยดี แล้วรีบตรงออกจากตึกบริษัทไปด้วยท่าทีแตกตื่น ในฐานะที่เขาเป็นลูกชายคนโต จึงรู้สึกเป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก

วังหลินฮุ่ยผู้เป็นลูกสาวก็เช่นกัน

“พ่อครับ ดูเหมือนหลายวันมานี้อารมณ์ของพ่อไม่ค่อยปกตินะครับ ตั้งแต่ตระกูลหลินล่มสลาย พ่อกลับไม่แสดงทีท่าดีใจออกมา แต่กลับมีท่าทีเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ ? หรือเป็นเพราะตระกูลหลี่ ?”

ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกวังจ่างหลินส่งไปอยู่ที่อื่น เพราะกลัวว่าจะถูกตระกูลหลินคิดบัญชี แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินข่าวการล่มสลายของตระกูลหลิน ทำให้พวกเขาตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก

แต่วังจ่างหลินผู้ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่คอยต่อสู้กับตระกูลหลินมาโดยตลอด ช่วงนี้กับดูเลื่อนลอย น่าจะเป็นผลมาจากตำแหน่งที่คิดจะเข้าไปแทนที่ตระกูลหลิน แต่กลับถูกตระกูลหลี่แย่งชิงไป เพราะพวกเขาเองก็คิดหาเหตุผลก็อื่นไม่ออก

“เฮ้อ เป็นเพราะตระกูลหลี่จริง ๆ”

วังจ่างหลินยอมรับความจริง

วังสิ้งเลิกคิ้ว แล้วพูดว่า : “พ่อครับ ตอนนี้ตระกูลหลี่กำลังเรืองอำนาจ เผลอๆ อาจยิ่งใหญ่กว่าตระกูลหลินในยุ่งที่รุ่งเรืองเสียอีก พวกเราเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรงจะเป็นการดีที่สุดนะครับ”

“แกกำลังล้อเล่นอะไรอยู่ หากพ่อไม่ต่อสู้กับตระกูลหลี่ อีกไม่กี่วันอาจจะมีตระกูลซุน ตระกูลจ้าวโผล่ออกมาแย่งชิงตำแหน่งของเราอีกก็เป็นได้”

วังจ่างหลินส่ายหัวด้วยความกลัดกลุ้ม “พวกแกไม่รู้หรอกว่าการที่ตระกูลหลินล่มสลายหมายความถึงสิ่งใด นั่นมันหมายถึงว่าฐานอำนาจในเมืองฉือ รวมไปถึงทั้งเมืองชิงชวนอันกว้างใหญ่ มีการล้างไพ่ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด หากพวกเราไม่ต่อสู้แข่งขัน เกรงว่าวังซื่อกรุ๊ปก็อาจจะต้องสิ้นชื่อไปพร้อมกับประวัติศาสตร์หน้าเก่าด้วยก็ได้”

“นี่มันหมายความว่าอย่างไร ? หรือจะบอกว่าการล่มสลายของตระกูลหลิน เมื่อเบื้องหลังอย่างอื่นซ่อนอยู่ ?”

วังสิ้งเป็นคนฉลาด เขาจึงคาดเดาความหมายบางอย่างจากคำพูดของพ่อได้

“พ่อคะ หรือว่าเมื่อครู่คนที่เรียกพ่อไปไม่ใช่ตระกูลหลี่ ?”

วังหลินฮุ่ยผงะไป

วังจ่างหลินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า : “เมื่อครู่คนที่เรียกพ่อไปคือผู้ทรงอิทธิพลแซ่เฉิน อีกทั้งยังถือว่าเป็นเถ้าแก่ของพ่ออีกด้วย”

“อะไรนะ !”

คำพูดนี้ทำให้สองพี่น้องวังซื่อกรุ๊ปรู้สึกตกใจอย่างมาก

ถึงแม้ตระกูลหลินจะล่มสลายและมีตระกูลหลี่เข้ามาแทนที่ แต่วังซื่อกรุ๊ปก็ยังเป็นยักษ์ใหญ่ในเมืองฉืออยู่ จะมีใครกล้ามาดูถูกกัน

แต่ตอนนี้วังจ่างหลินกลับพูดถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง มิหนำซ้ำยังเป็นเถ้าแก่ของพ่อพวกเขาอีก นี่เป็นเรื่องที่ยากเกินจะจินตนาการได้

“คุณชายแซ่เฉินท่านนี้ คือแกนนำที่โค่นล้มตระกูลหลินหรือครับ ?”

“จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่”

วังจ่างหลินตอบ “คุณเฉินคนนั้นเป็นคนทำลายตระกูลหลินให้ล่มสลายจริง แต่ในสายตาของเขา ตระกูลหลินก็เป็นเพียงแค่มดตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งที่ไม่มีความสำคัญอะไร วังซื่อกรุ๊ปของพวกเราและตระกูลหลี่ก็เช่นเดียวกัน

“ก่อนหน้านี้เถ้าแก่เคยเรียกหาพ่อ เขาต้องการให้พ่อควบรวมธุรกิจของตระกูลหลิน เพื่อเป็นการปูทางในเมืองฉือ รวมไปถึงทั้งเมืองชิงชวนให้กับเขา แต่ตระกูลหลี่กลับล่องไวกว่า ส่วนพ่อกลับตอบสนองได้ไม่ทันเวลา”

“เมื่อครู่ที่เถ้าแก่เรียกหาพ่อก็ด้วยเรื่องนี้ เขาต้องการควบรวมตระกูลหลินตระกูลหลี่ให้หมดโดยเร็วที่สุด”

“......”

พี่น้องวังซื่อกรุ๊ปทั้งสองคนหันมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็เข้าใจความหมายในสายตาของอีกฝ่าย

บ้าไปแล้ว นี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ !

เป็นที่รู้กันดีว่าตระกูลหลี่ในอดีต ถือเป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่วังซื่อกรุ๊ปต้องคอยระมัดระวัง ยังไม่ต้องพูดถึงตระกูลหลี่ที่ควบรวมตระกูลหลินไปแล้วมากกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับตระกูลหลินในยุคที่เรืองอำนาจแล้ว ถือว่าแข็งแกร่งกว่าหลายเท่านัก

หากคิดที่จะกลืนกินยักษ์ใหญ่เช่นนี้ ก็คงไม่ต่างจากเสือดาวที่อยากจะกลืนกินเสือโคร่ง ท้ายที่สุดแล้วคนที่จะต้องตายก็คือเสือดาว !

“พ่อคะ เรื่องนี้พวกเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้เด็ดขาดนะคะ อย่างมากพวกเราก็แค่วางมือ แล้วให้พวกเขาหาตระกูลอื่นมาทำแทน !”

วังหลินฮุ่ยเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

“ส่งข่าวออกไป พวกเราจะมีการแข่งขันโครงการฟื้นฟูหมู่บ้านในเมือง !”

เฉินอีพลิกตัว แล้วหันมองฉินปิงหลินสามแม่ลูกนอนอยู่บนเตียงในท่าทีดูคุ้นเคย ด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

หลายปีมานี้เขาวาดฝันเอาไว้มากมาย แต่ก็ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่ากับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านี้อีกแล้ว

“วางใจเถอะ ตระกูลฉินจะต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำลงไป”

“ยังมีหลี่เจ๋ออีกคน เหอะ ๆ คิดอยากจะกอดภรรยาของฉัน ได้ แต่ขอดูหน่อยซิว่าหมอนี่จะมีความสามารถสักแต่ไหนกัน”

เขาค่อย ๆ ปิดประตูอย่างเบามือ แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป

“เจ้ามังกร”

มังกรเขียวรออยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว เมื่อเขาไม่เห็นความกังวลใด ๆ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

ในบรรดาราชาทั้งสี่ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้อยู่รับใช้เจ้ามังกร สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าการต่อสู้หรือประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเสียอีก

“คิดว่าเจ้าเสือขาวคงจะต้องรู้สึกอิจฉาน่าดู ฮ่าฮ่า”

“อย่ายิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นสิ”

เฉินอีเหลือบมอง เขาคาดเดาความคิดของเจ้าหมอนี่ออก “อีกอย่างฉันมีครอบครัวแล้วนะ และที่สำคัญฉันไม่ได้ชอบไม้ป่าเดียวกันด้วย”

“ผม......”

หน้าผากของมังกรเขียวปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด แต่เขาก็ยังรีบพูดขึ้นมาว่า : “เจ้ามังกร เมื่อครู่ผมเพิ่งได้รับข่าวมาว่า วังซื่อกรุ๊ปเตรียมที่จะแข่งขันโครงการฟื้นฟูหมู่บ้านในเมืองครับ”

“อะไรนะ ? แล้วมีปัญหาอะไร ?”

เฉินตงผงะไปอย่างไม่รู้สาเหตุ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ