เข้าสู่ระบบผ่าน

ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา นิยาย บท 12

“ตีเหล็กต่อไป!”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย สั่งการให้ทุกคนตีเหล็กต่อไป

และเรื่องนี้ ก็ได้แพร่ไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้อย่างรวดเร็ว

ภายในตำหนักอิงอู่ที่งดงามตระการตา ฮ่องเต้กำลังจะเสวยพระกระยาหารกลางวัน แต่ในขณะนี้องครักษ์เงาก็เข้ามารายงาน

“ฝ่าบาท เฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหมนำคนไปล้อมเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่ร้านตีเหล็กพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ที่กำลังจะเสวยพระกระยาหารพลันมีสีพระพักตร์มืดมน แค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง ตะเกียบในพระหัตถ์ถูกขว้างลงไปอย่างแรง หักเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา

“ช่างบังอาจเสียจริง แค่รองเสนาบดีกรมกลาโหมคนหนึ่ง ยังกล้ามารังแกฉู่หนิง!”

ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ “แล้วฉู่หนิงรับมืออย่างไร?”

องครักษ์เงาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังคร่าว ๆ

เมื่อฮ่องเต้ฟังจบก็พิโรธอย่างยิ่ง ทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน!

สะบัดแขนเสื้อ พระกระยาหารเลิศรสบนโต๊ะถูกปัดกระเด็นออกไปทั้งหมด จานชามแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“เฝิงอันกั๋ว เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

ฮ่องเต้ทรงกริ้วจนพระพักตร์แดงก่ำ

ถึงแม้ฉู่หนิงจะเป็นบุตรนอกสมรส ในมือไม่มีทั้งอำนาจและบารมี ในราชสำนักก็ไม่มีใครสนับสนุน แต่ก็เป็นถึงองค์ชาย!

เป็นโอรสของเรา!

แค่รองเสนาบดีกรมกลาโหมขุนนางระดับสามขั้นต่ำ ยังกล้ามารังแกฉู่หนิงเช่นนี้

ดูท่าว่าเรื่องที่เถ้าแก่ร้านตีเหล็กถูกฆ่าล้างตระกูลจะยังสั่งสอนคนพวกนี้ไม่ได้!”

“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

องครักษ์เงาและจ้าวหมิงเห็นฮ่องเต้ทรงพิโรธ ก็พากันคุกเข่าลงกับพื้น

“ระงับโทสะหรือ?”

ฮ่องเต้ทรงพระสรวลด้วยความกริ้ว “โอรสของเราถูกคนรังแก พวกเจ้ายังจะให้เราระงับโทสะอีกหรือ?”

“ไป ไปตามตัวฉู่หนิงมาพบเรา ครั้งนี้เราจะออกหน้าให้เขาเอง!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวหมิงรับคำแล้วรีบออกไปถ่ายทอดราชโองการทันที

ครึ่งชั่วยามต่อมา ฉู่หนิงก็ติดตามจ้าวหมิงมาถึงพระราชวัง

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาถึงพระตำหนักที่ประทับของฮ่องเต้ ฉู่หนิงถึงกับตกตะลึงในความใหญ่โตโอฬารของพระราชวังแห่งนี้ ตลอดทางก็อดไม่ได้ที่จะมองซ้ายทีขวาทีเป็นระยะ ๆ

จ้าวหมิงรู้ที่มาที่ไปของฉู่หนิง จึงไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เมื่อมาถึงหน้าประตูตำหนักอิงอู่ จ้าวหมิงก็ยังคงกระซิบเตือนเบา ๆ

“จวิ้นอ๋อง ตอนนี้ฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดีนัก เดี๋ยวตอนทูลตอบท่านโปรดระวังด้วย และก็อย่าได้มองซ้ายมองขวาอีกนะพ่ะย่ะค่ะ”

ฉู่หนิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วจึงก้าวเข้าไปในตำหนัก

ภายในตำหนัก ฮ่องเต้ประทับอยู่บนที่นั่งหลักด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ฉู่หนิงเดินเข้าไปทำความเคารพ “ลูกขอถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรโอรสที่ถูกรังแกซึ่งอยู่ตรงหน้า เขาอยากจะด่าทอฉู่หนิงแรง ๆ สักที!

ในฐานะองค์ชาย เหตุใดถึงได้ไม่เอาไหนเช่นนี้?

เจ้าฉู่หนิงเหตุใดถึงไม่กล้าสู้กับเฝิงอันกั๋วสักตั้งเล่า?

แต่เมื่อนึกถึงชาติกำเนิดและสถานการณ์ในปัจจุบันของฉู่หนิง คำพูดที่มาถึงพระโอษฐ์ก็ถูกกลืนกลับลงไป

องค์ชายที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมี ทั้งยังกำลังจะไปแนวหน้า จะเอาอะไรไปสู้กับรองเสนาบดีกรมกลาโหมได้?

คำตำหนิในที่สุดก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจยาว “ลุกขึ้นพูดเถอะ”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” ฉู่หนิงลุกขึ้นยืน ก้มหน้าไม่พูดอะไรต่อ

ฮ่องเต้เห็นท่าทีเช่นนี้ของฉู่หนิง ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูน

เด็กคนนี้ เสียเปรียบขนาดนี้ หรือแม้แต่จะฟ้องก็ยังทำไม่เป็น?

ใช่แล้ว ฉู่หนิงคงจะอยากทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลายเป็นไม่มีอะไร ไม่อยากจะล่วงเกินผู้ใด

ท้ายที่สุดแล้ว ก็เพราะไม่มีทั้งอำนาจและบารมีนี่เอง

ฮ่องเต้ส่ายพระพักตร์เล็กน้อย ตรัสถาม “ได้ยินว่าวันนี้เจ้ามีเรื่องขัดแย้งกับเฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหมที่ร้านตีเหล็กหรือ?”

สีหน้าของฉู่หนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เผยท่าทีตื่นตระหนก แล้วรีบส่ายหน้า “ไม่มีเรื่องเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ลูกจะไปมีเรื่องขัดแย้งกับใต้เท้าเฝิงได้อย่างไร”

ตื่นตระหนกถึงเพียงนี้ ช่างไม่เอาไหนเสียจริง!

เจ้าเป็นถึงองค์ชาย กลับไปกลัวรองเสนาบดีกรมกลาโหมคนหนึ่ง

แนวหน้ากำลังคับขัน กรมกลาโหมก็เสนอความเห็นดี ๆ ไม่ได้ คนพวกนี้ปล่อยไว้ที่กรมกลาโหมก็ไม่มีประโยชน์ สู้ไปรบอย่างกล้าหาญที่แนวหน้าเสียยังจะดีกว่า!

ถือโอกาสลงโทษเฝิงอันกั๋ว และข่มขวัญขุนนางคนอื่น ๆ ไปด้วย

เราจะทำให้ทุกคนรู้ว่า ต่อให้ฉู่หนิงจะเป็นตัวตายตัวแทน ก็ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะแตะต้องได้!

ฉู่หนิงแอบยิ้มในใจ

เขาหมายตาเหล่าทหารของกรมกลาโหมที่อยู่ข้างกายเฝิงอันกั๋วไว้นานแล้ว

ทหารของกรมกลาโหม นั่นคือทหารที่คัดเลือกมาอย่างดีที่สุดจากกองทัพต่าง ๆ ทั่วสารทิศ พลังการต่อสู้สูงส่ง!

หากได้คนกลุ่มนี้มา ความปลอดภัยของเขาในเมืองหลวงถึงจะมีการรับประกัน

แน่นอนว่า ต่อหน้าฮ่องเต้ ก็ยังต้องแสร้งทำต่อไปสักหน่อย

“เสด็จพ่อ นี่...ไม่ดีกระมัง?”

“มีอะไรไม่ดี?”

ฮ่องเต้ถลึงพระเนตร “แนวหน้าวิกฤต กรมกลาโหมจะไม่มีความรับผิดชอบเลยหรือ? ทหารของกรมกลาโหมมีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน ทั้งยังเป็นทหารชั้นยอดของกองทัพ ปล่อยไว้ในเมืองหลวงก็เป็นการสิ้นเปลือง สู้ให้ติดตามเจ้าไปแนวหน้าด้วยกันเสียยังจะดีกว่า!”

ไม่ลงโทษเฝิงอันกั๋ว แต่การลดทอนกำลังของเฝิงอันกั๋วก็ยังจำเป็น

เราลงมือเอง จะต้องทำให้เฝิงอันกั๋วนั่นรู้สึกเจ็บปวดใจ!

ฉู่หนิงถอนหายใจยาว “ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเสด็จพ่อทรงแน่วแน่ถึงเพียงนี้ ลูกก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ลูกขอทูลลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้พยักพระพักตร์เล็กน้อย “เจ้าต้องจำไว้ว่า เจ้าคือองค์ชาย หากได้รับความไม่เป็นธรรม จะต้องมาบอกเรา”

“ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่หนิงรับคำแล้วออกจากตำหนักไป

แต่ฮ่องเต้กลับทอดพระเนตรแผ่นหลังของฉู่หนิงด้วยสีหน้าครุ่นคิด

โอรสที่ดีถึงเพียงนี้ ส่งไปแนวหน้าเช่นนี้ จะไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ?

แต่นี่เป็นการตัดสินใจในท้องพระโรงแล้ว ตอนนี้จะกลับคำก็ไม่ทันแล้ว

แต่ว่า คนจะไป แต่เชื้อสายยังต้องอยู่!

ฮ่องเต้หรี่พระเนตรลง ทันใดนั้นก็ตะโกนออกไปนอกตำหนัก “จ้าวหมิง ไปสืบดูว่าจวนของใครมีหญิงสาววัยเหมาะสมบ้าง!”

“เราจะจัดการเรื่องการแต่งงานให้ฉู่หนิง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา