เข้าสู่ระบบผ่าน

ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา นิยาย บท 14

“ท่านอ๋อง จะให้ข้าน้อยไปสืบข่าวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

จ้าวอวี่เป็นคนละเอียดรอบคอบ เมื่อเห็นฉู่หนิงนิ่งเงียบไปนาน เขาก็เอ่ยเสนอแนะขึ้นมา

การพระราชทานสมรสอย่างกะทันหันนั้นทำให้รู้สึกประหลาดใจ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านหญิงเสิ่นผู้นั้น ยังเป็นถึงอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งของต้าฉู่ ในเมื่อยังไม่ทราบพระประสงค์ของฮ่องเต้ ก็ควรจะไปสืบข่าวที่จวนเสิ่นเสียก่อน

แต่ฉู่หนิงกลับหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องหรอก ท่านหญิงเสิ่นผู้นั้นสูงศักดิ์เพียงใด จะยอมแต่งกับข้าได้อย่างไร?

เมื่อวานเสด็จพ่อทรงพระราชทานคนของกรมกลาโหมให้มาเป็นผู้คุ้มกันของข้า พวกเจ้าสองคนตามข้าไปที่ศาลาว่าการของกรมกลาโหมสักเที่ยวเถอะ”

ไม่ว่าการพระราชทานสมรสครั้งนี้จะเป็นหลุมพรางหรือไม่ ขอเพียงท่านหญิงเสิ่นไม่ยินยอม ฮ่องเต้ก็คงจะไม่สามารถบังคับให้นางแต่งเข้ามาได้กระมัง?

แม้ว่าจะเป็นการพระราชทานสมรส ยากที่จะขัดราชโองการได้ แต่ฐานะของท่านหญิงเสิ่นนั้นพิเศษนัก หากนางไม่ต้องการแต่งจริง ๆ ฮ่องเต้จะสามารถบังคับนางได้หรือ?

หากเป็นเช่นนั้น ฮ่องเต้ย่อมถูกผู้คนครหาเป็นแน่

ราชโองการฉบับนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็คงจะเป็นเพียงการแสดงให้คนอื่นดูเท่านั้น

เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือการนำคนกลุ่มนั้นจากกรมกลาโหมมาไว้ในมือให้ได้ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ากองกำลังคุ้มกันได้ก่อตั้งขึ้นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว

ในฐานะองค์ชาย หากข้างกายไม่มีกองกำลังคุ้มกัน การเดินทางไปแนวหน้าครั้งนี้ อย่าว่าแต่จะถูกกองทัพศัตรูกำจัดเลย คนของต้าฉู่เองก็อาจจะกำจัดเขาได้!

ภายใต้การคุ้มกันของกวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ ทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปยังกรมกลาโหม

ส่วนทางด้านนี้ หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงได้นำราชโองการมาถึงจวนเสิ่น

จวนเสิ่นไม่ได้ใหญ่โตนัก ก่อด้วยอิฐสีเขียวหลังคามุงกระเบื้องสีดำ ตัดกับจวนสูงตระหง่านกำแพงใหญ่โตที่อยู่รอบข้างอย่างเห็นได้ชัด

ภายในเรือนหลังของจวน เสียงพิณอันไพเราะดังแว่วมาจากห้องส่วนตัวของหญิงสาว

ปรากฏร่างของหญิงสาวนางหนึ่งในชุดสีเขียว คิ้วเรียวงามดั่งใบหลิว ดวงตาที่สดใสเปล่งประกาย ยากที่จะลืมเลือนได้เมื่อแรกเห็น

สันจมูกโด่งรับกับใบหน้างดงามไร้ที่ติ ประกอบกับริมฝีปากแดงดั่งผลเชอร์รี ทำให้หัวใจสั่นไหว

ถัดจากลำคอระหงลงมาคือเนินอกที่อวบอิ่มดั่งขุนเขา ผ้าคาดเอวสีน้ำเงินเส้นหนึ่งผูกอยู่ที่เอว เผยให้เห็นเอวบางร่างน้อย

สตรีผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือเสิ่นหว่านอิ๋งทายาทของราชวงศ์ก่อน!

ในฐานะท่านหญิง ทั้งยังเป็นอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งแห่งต้าฉู่ ประกอบกับรูปโฉมที่งดงามไร้ที่ติ บุรุษใดได้เห็นนางก็ยากที่จะหักห้ามใจได้

ทว่า เสียงพิณในยามนี้กลับแฝงไปด้วยความกังวล ชวนให้ผู้ฟังรู้สึกสะเทือนใจ

ข้าง ๆ กันนั้น สตรีอีกคนหนึ่งในชุดรัดกุม ใบหน้าเปี่ยมด้วยความองอาจกำลังนั่งเบื่อหน่ายอย่างที่สุด นั่งลงจิบชาได้ไม่ถึงสองอึกก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

เดิมทีคิดจะขัดจังหวะสหายสนิทของตน แต่เมื่อนึกถึงนิสัยดื้อรั้นของนาง หากไม่ให้นางบรรเลงเพลงนี้จนจบ เกรงว่าจะไม่สามารถพานางออกไปข้างนอกได้

เฝิงมู่หลานส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ทำได้เพียงรอให้เสิ่นหว่านอิ๋งบรรเลงจนจบอย่างเงียบ ๆ

ทว่า ในขณะที่เสิ่นหว่านอิ๋งคิดว่าตนเองจะต้องนั่งรอเวลาอันน่าเบื่อหน่ายนี้ผ่านไปเช่นเคย เสียงของสาวใช้ก็ดังมาจากนอกเรือน

“คุณหนู คนจากในวังมาเจ้าค่ะ ทั้งยังนำราชโองการของฝ่าบาทมาด้วย เชิญคุณหนูและฮูหยินผู้เฒ่าไปรับราชโองการเจ้าค่ะ!”

เสียงพิณหยุดลงกะทันหัน บนใบหน้างดงามของเสิ่นหว่านอิ๋งปรากฏความประหลาดใจ “แปลกจริง เหตุใดฝ่าบาทจึงส่งคนมาประกาศราชโองการกะทันหัน ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอันใด”

เฝิงมู่หลานหัวเราะเบา ๆ เดินเข้าไปจับมือเสิ่นหว่านอิ๋ง “พวกเราไปรับราชโองการก็รู้แล้วมิใช่หรือว่าเป็นเรื่องอันใด?”

ระหว่างที่พูด นางก็ดึงเสิ่นหว่านอิ๋งออกจากห้องส่วนตัว มุ่งหน้าไปยังเรือนด้านหน้าทันที

เสิ่นฮูหยินที่ได้รับข่าวก็มาถึงในขณะนั้นพอดี ทั้งสามคนพร้อมด้วยสาวใช้และบ่าวชายต่างพากันคุกเข่าลง

จ้าวหมิงเปิดราชโองการออก อ่านด้วยสีหน้าจริงจัง “ตระกูลเสิ่นมีบุตรสาวนามว่าหว่านอิ๋ง เราได้ยินว่าเจ้ารูปโฉมงดงามโดดเด่น เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ปีนี้ก็อายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์แล้ว จึงขอพระราชทานสมรสให้แก่เจ้ากับเผิงไหลจวิ้นอ๋อง!”

ทั้งสามคนที่ก้มหน้ารอรับราชโองการอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปอย่างมาก

เผิงไหลจวิ้นอ๋อง องค์ชายลูกนอกสมรสของฮ่องเต้ องค์ชายตัวตายตัวแทนที่กำลังจะไปแนวหน้าหรือ?

แต่งให้กับคนเช่นนี้ เกรงว่ายังไม่ทันจะผ่านช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ก็ต้องกลายเป็นม่ายแล้ว!

คนของตระกูลเสิ่นตกใจจนหน้าซีดเผือด สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เสิ่นหว่านอิ๋ง

ในยามนี้ มีเพียงเสิ่นหว่านอิ๋งเท่านั้นที่จะช่วยพวกเขาได้

หากปฏิเสธ วันนี้จวนเสิ่นจะต้องนองเลือดอย่างแน่นอน

ถึงจะเป็นทายาทของราชวงศ์ก่อน ก็ไม่สามารถขัดราชโองการได้!

แม้ในใจของเสิ่นฮูหยินจะหวาดกลัว แต่เมื่อนึกถึงความสุขในช่วงครึ่งหลังของชีวิตบุตรสาว นางก็ยังคงรวบรวมความกล้า ทำความเคารพจ้าวหมิง

“หัวหน้าจ้าว เรื่องนี้ได้โปรดผ่อนปรนด้วยเถิด ราชโองการฉบับนี้ข้ายังไม่รับในตอนนี้ รอให้ข้าเข้าวังไปทูลขอความเมตตาจากฝ่าบาทก่อนแล้วค่อยว่ากันได้หรือไม่?”

“ใครก็ได้ ไปนำปิ่นปักผมทองคำอันนั้นของข้ามา!”

กฎระเบียบในวัง เสิ่นฮูหยินย่อมรู้ดี นางคิดจะให้สินบนแก่จ้าวหมิงมากขึ้นอีกหน่อย เพื่อที่จะยังไม่รับราชโองการชั่วคราว

แต่จ้าวหมิงกลับแค่นเสียงเย็น “ไม่จำเป็น วันนี้เจ้ามีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้น ก็คือรับราชโองการเตรียมงานแต่งงาน หรือไม่ก็คนในจวนเสิ่นทั้งหมดจะต้องตายในวันนี้เพราะพวกเจ้า!”

คำพูดนี้ ทำให้เสิ่นฮูหยินราวกับถูกสายฟ้าฟาด ถอยหลังไปสองก้าว ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ

เสิ่นหว่านอิ๋งรีบเข้าไปประคองมารดาของตน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ท่านแม่มิต้องทำเช่นนี้ เรื่องนี้ลูกมีแผนการในใจแล้ว ขอเพียงเผิงไหลจวิ้นอ๋องปฏิเสธการแต่งงานด้วยตนเอง ฝ่าบาทก็ทำได้เพียงถอนรับสั่ง”

พูดจบ ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน เสิ่นหว่านอิ๋งก็ยื่นสองมือออกไปรับราชโองการมาอย่างนอบน้อม

“เสิ่นหว่านอิ๋งรับราชโองการ ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาท!”

จ้าวหมิงวางราชโองการลงในมือนาง กล่าวอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ท่านหญิง จงประพฤติตัวให้ดี!”

กล่าวจบ จ้าวหมิงก็นำทหารรักษาพระองค์จากไป

เฝิงมู่หลานจ้องมองแผ่นหลังของจ้าวหมิงที่จากไปอย่างเคียดแค้น แล้วจึงหันกลับมามองเสิ่นหว่านอิ๋ง “พอดีเลย วันนี้ที่ข้ามาหาเจ้าก็เพราะเรื่องของคนผู้นี้เหมือนกัน เจ้าคนน่ารังเกียจนี่ถึงกับทำให้ฝ่าบาททรงย้ายคนของบิดาข้าไปเป็นผู้คุ้มกันให้เขา!

ข้ารู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ไปกัน ข้าจะพาเจ้าไปหาเขา!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา