“เจ้าหมอนี่ ชักจูงจิตใจคนเก่งใช้ได้เลย!”
เฝิงมู่หลานมองเลี่ยวหยวนและคนอื่นๆ ที่ก้มหน้าเงียบ มีความไม่พอใจเสี้ยวหนึ่งแวบผ่านคิ้วงาม
แม้คำพูดของฉู่หนิงจะทำให้นางรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่เขาจงใจกล่าวเช่นนี้เพียงเพื่อชนะใจคนกลุ่มนี้เท่านั้น
พวกเลี่ยวหยวนและคนอื่นๆ ไม่ใช่คนโง่เขลา จะต้องมองแผนของฉู่หนิงออกแน่นอน
ทว่าเสิ่นหว่านอิ๋งที่อยู่ด้านข้างกลับส่ายศีรษะเบาๆ และจับจ้องด้วยแววตาอันเปล่งประกาย
“การจะชักจูงจิตใจคนได้นั้น ต้องชนะใจคนให้ได้ก่อน!”
เสิ่นหว่านอิ๋งจ้องแผ่นหลังของฉู่หนิง บนใบหน้าปรากฏแววสนใจ “ดูเหมือนเผิงไหลจวิ้นอ๋องผู้นี้ ก็ไม่ได้แย่เหมือนที่ข้าคิดนะ”
เฝิงมู่หลานตะลึงงันทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงจะค่อยๆ หันไปมองสหายของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “หว่านอิ๋ง เจ้าคงไม่ได้ชอบเจ้าหมอนี่แล้วกระมัง?”
เสิ่นหว่านอิ๋งส่ายศีรษะ พลางกล่าวเสียงเรียบ “แม้เขาจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่หากเก่งแต่ปากอย่างเดียว ก็ยังคงไม่สามารถปกป้องตระกูลเสิ่นของข้าได้”
แม้การกระทำเมื่อครู่ของฉู่หนิงจะทำให้นางคาดคิดไม่ถึง แต่ยังคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของนาง
นางจะไม่แต่งงานกับฉู่หนิง
และฉู่หนิงต้องเป็นฝ่ายถอนหมั้น
เฝิงมู่หลานถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โชคดีที่หว่านอิ๋งไม่ได้หุนหันพลันแล่น ไม่เช่นนั้นวันนี้กลับจะกลายเป็นสงเคราะห์ให้ฉู่หนิงสมหวังแทน!
นึกถึงฉู่หนิง สีหน้าเฝิงมู่หลานก็เย็นชาลงโดยพลัน และเมื่อเงยหน้ามองไป
เห็นเพียงฉู่หนิงที่ถูกปิดล้อมกลับมีท่าทีสงบเยือกเย็น ไม่กลัวว่าเลี่ยวหยวนและคนอื่นๆ จะลงมือเลย
ขณะนั้นเอง เลี่ยวหยวนถอนหายใจยาวทีหนึ่ง แล้วถอยกลับไปยังตำแหน่งเมื่อครู่
ทหารคนอื่นๆ ก็สะเทือนใจเพราะคำพูดของฉู่หนิง เมื่อเห็นนายกองของตนเองถอยกลับไป หลังจากหันไปมองหน้ากันก็พากันถอยเช่นกัน
กวนอวิ๋นกับจ้าวอวี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้พวกเขาสองคนมีวรยุทธ์เลิศล้ำ แต่ที่นี่คือค่ายทหารของกรมกลาโหม หากปะทะกันขึ้นมาจริงๆ พวกเขาฝ่าออกไปย่อมไม่เป็นปัญหา แต่ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของฉู่หนิง
เมื่อเห็นทุกคนยอมถอยเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของฉู่หนิง ทั้งสองยิ่งเลื่อมใสในตัวฉู่หนิงแล้ว
เดิมทีคิดว่าฉู่หนิงจะใช้ฐานะองค์ชาย และพระบัญชาของฝ่าบาทมาบังคับคนกลุ่มนี้ไปแนวหน้า
แต่ฉู่หนิงไม่ได้ใช้อำนาจข่มคน อาศัยเพียงความสามารถของตนเองก็คลี่คลายวิกฤตตรงหน้าแล้ว
แต่ต่อให้คนกลุ่มนี้รู้สึกละอายใจ เกรงว่าก็ไม่กล้าไปแนวหน้าอยู่ดี
ยอมถอยตอนนี้ ไม่ได้แปลว่าคนกลุ่มนี้ยอมลงสนามรบ!
ขณะที่ทั้งสองกำลังจมอยู่กับความคิด ฉู่หนิงมองผู้คนที่ยอมถอยกลับไปพลางพยักหน้าเบาๆ สีหน้าผ่อนคลายขึ้น
“ถือว่าพวกเจ้ายังพอรู้จักอายอยู่บ้าง!”
ฉู่หนิงพลันสะบัดแขนเสื้อ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตอนนี้พี่น้องของพวกเจ้ากำลังห้ำหั่นเอาชีวิตเป็นเดิมพันที่แนวหน้า แต่พวกเจ้าจะเสพสุขอยู่ที่นี่อย่างสบายใจหรือ?
รอพวกเขาล้มตายกันหมดแล้ว พวกเจ้าคิดว่าคนต่อไปที่จะต้องลงสนามรบคือใคร?
หลังจากทุกคนตายกันหมด ต้าฉู่ของเราก็จะล่มสลาย ลูกเมียและญาติพี่น้องของพวกเจ้าจะตกเป็นทาสของผู้อื่น!
ถึงเวลานั้น เมียพวกเจ้าจะกลายเป็นเมียผู้อื่น ลูกพวกเจ้าจะเปลี่ยนแซ่ตามผู้อื่น ญาติพี่น้องพวกเจ้าจะกลายเป็นไพร่ชั้นต่ำ!
บอกข้าหน่อย นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าอยากเห็นหรือ?
“ไม่อยาก!”
เหล่าทหารพร้อมใจกันตะโกน เสียงดังกึกก้องราวฟ้าผ่า ทำเอาเสิ่นหว่านอิ๋งกับเฝิงมู่หลานที่ยืนชมเหตุการณ์อยู่ห่างๆ สะดุ้ง
เสียงอันหนักแน่นของฉู่หนิงดังขึ้น ท่ามกลางความประหลาดใจของหญิงสาวทั้งสอง “ดีมาก พวกเจ้าจงจดจำคำพูดของพวกเจ้าไว้ให้มั่น!”
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าก็คือองครักษ์ของข้า และยังคงขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการนายกองเลี่ยว กวนอวิ๋น เจ้าพาพวกเขาไปตีอาวุธที่เหมาะมือที่ร้านตีเหล็ก”
“รีบทราบ!” กวนอวิ๋นขานรับเสียงหนักแน่น ก่อนจะพาเหล่าทหารออกไปยังนอกค่าย
เฝิงมู่หลานร้อนรนแล้ว
คนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของบิดานาง หากไปกับฉู่หนิง บิดาของนางไม่เท่ากับกลายเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบหรือ?
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้น เฝิงมู่หลานก็กระโจนออกไปขวางทางของกวนอวิ๋น
ขอแค่เป็นคนมีเหตุผล นางก็มั่นใจว่าสามารถเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายถอนหมั้น
สิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คืออีกฝ่ายไร้เหตุผล!
“องค์ชายกล่าวหนักเกินไปแล้ว”
เสิ่นหว่านอิ๋งกล่าวเสียงเรียบ “หว่านอิ๋งเก็บตัวอยู่แต่ในจวน องค์ชายไม่รู้จักหว่านอิ๋งก็สมควรเพคะ”
นางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อ “น้องหญิงของหม่อมฉันนิสัยมุทะลุ หากมีสิ่งใดที่ล่วงเกิน องค์ชายโปรดให้อภัยเพคะ”
ฉู่หนิงพลันยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร ข้าแย่งผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อนางจริงๆ นางโกรธก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
กวนอวิ๋น เจ้าพาพวกเขาไปที่ร้านตีเหล็กก่อน ตีอาวุธและชุดเกราะอย่างเต็มกำลัง”
จะปล่อยให้การปรากฏตัวของสตรีสองนางมาทำลายแผนการของตนไม่ได้
กวนอวิ๋นขานรับแล้วพาคนอื่นๆ เดินจากไป โดยทิ้งจ้าวอวี๋ไว้ปกป้องฉู่หนิง
เฝิงมู่หลานยังคิดจะขวาง กลับถูกเสิ่นหว่านอิ๋งคว้าแขนไว้ และเกลี้ยกล่อมเบาๆ
สีหน้าเฝิงมู่หลานเปลี่ยนเล็กน้อย
หากลงโทษนางผู้เดียว นางย่อมไม่กลัว
แต่หากลงโทษตระกูลเฝิง นางต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่ตามมา
ฉู่หนิงมองเสิ่นหว่านอิ๋งด้วยความสนใจ บนใบหน้าปรากฏแววพินิจพิจารณา
คู่หมั้นผู้นี้ มีดีใช้ได้เลย
เฝิงมู่หลานผู้นี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นสตรีประเภทหน้าอกใหญ่สมองน้อย เสิ่นหว่านอิ๋งกลับสามารถเกลี้ยกล่อมด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
หากได้แต่งงานกับสตรีเช่นนี้ จะต้องเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมแน่นอน
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฉู่หนิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าท่านหญิงเสิ่นมาหาข้ามีธุระอะไร?”
เสิ่นหว่านอิ๋งยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เฝิงมู่หลานก็ชิงกล่าวด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ก็ต้องมาถอนหมั้นกับเจ้าน่ะสิ!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา