“ท่านจะให้ข้าทอดทิ้งผู้คุ้มกันที่กำลังจะไปสนามรบเหล่านี้ เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของข้าอย่างนั้นหรือ?”
ในดวงตาของฉู่หนิงฉายแววอำมหิต ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “หรือท่านไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่แนวหน้ากำลังวิกฤต ต้องการกำลังคนสนับสนุนอย่างเร่งด่วน? ในยามนี้กลับจะมาสังหารเพื่อนร่วมแคว้นของตนเอง ท่านไม่คู่ควรกับการเป็นรองเสนาบดีกรมกลาโหม!”
ทหารผ่านศึกเหล่านี้เขาได้มาอย่างยากลำบาก จะยอมให้เฝิงอันกั๋วสังหารไปง่าย ๆ ได้อย่างไร
จ้าวอวี่ กวนอวิ๋น และทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนได้ฟังก็ซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
พวกเขารู้ดีว่า ในยามนี้การทอดทิ้งพวกเขาคือทางเลือกที่ดีที่สุด
ทว่า ฉู่หนิงไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา!
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเข้าใจว่า การที่พวกเขาเลือกฉู่หนิงนั้นไม่ผิด!
ผู้มีความสามารถมีอยู่มากมาย แต่ผู้ที่มองเห็นและส่งเสริมความสามารถนั้นหาได้ยาก
เพื่อพวกเขาแล้ว ฉู่หนิงถึงกับยอมมาตีอาวุธด้วยตนเอง กระทั่งยอมละเมิดกฎหมายเพื่อการนี้!
ชีวิตนี้ได้พบนายท่านผู้ปราดเปรื่องเช่นนี้ ก็เพียงพอแล้ว!
ทว่า เฝิงอันกั๋วกลับไม่สนใจฉู่หนิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว กล่าวอย่างเรียบเฉย “จวิ้นอ๋อง โปรดไตร่ตรองให้ดี หากวันนี้พวกเขาไม่ตาย คนที่ต้องตายอาจจะเป็นท่าน!
การลักลอบตีอาวุธ ประกอบกับฐานะองค์ชายของท่าน ย่อมทำให้ฝ่าบาททรงคิดว่าท่านมีเจตนาอื่นแอบแฝงได้”
คำพูดนี้ เท่ากับเป็นการตัดทางหนีทีไล่ของฉู่หนิงที่จะไกล่เกลี่ยเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว
ผู้คุ้มกันกลุ่มนี้ เฝิงอันกั๋วตัดสินใจแล้วว่าจะต้องฆ่า!
กวนอวิ๋นทนเห็นฉู่หนิงถูกหยามเช่นนี้ไม่ได้ ตวัดดาบยาวในมือทันที มายืนคุ้มกันฉู่หนิงไว้ด้านหลัง
“ท่านอ๋อง ท่านไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ที่นี่มอบให้พวกเราจัดการ ต่อให้ต้องตาย พวกเราก็จะขอลากใครสักคนไปเป็นเพื่อน!”
จ้าวอวี่ก็ค่อย ๆ หันปลายหอกยาวในมือเล็งไปที่เฝิงอันกั๋ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านอ๋อง โปรดปล่อยท่านอ๋องไป!”
ท่านอ๋องได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหาหนทางรอดให้พวกเขาแล้ว แต่น่าเสียดายที่เฝิงอันกั๋วผู้นี้เผด็จการเกินไป ยึดติดกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ยอมปล่อย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างมากก็แค่สู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
เพียงแต่น่าเสียดาย พวกเขาไม่มีโอกาสได้ติดตามจวิ้นอ๋องไปรับใช้บ้านเมืองที่แนวหน้าด้วยกันแล้ว
แต่ว่า ก่อนตายจะต้องกำจัดคนอย่างเฝิงอันกั๋วเพื่อท่านอ๋องให้ได้!
กล้ามาหยามท่านอ๋องถึงเพียงนี้ ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องกำจัดคนผู้นี้ให้ได้
สิ่งนี้ คือสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำให้จวิ้นอ๋องได้ในตอนนี้
แน่นอนว่าเฝิงอันกั๋วไม่ได้คิดจะลงมือกับฉู่หนิงจริง ๆ จึงโบกมือครั้งใหญ่ทันที “จวิ้นอ๋อง รีบจากไปเถิด กระหม่อมจะประหารคนเหล่านี้ ณ ที่แห่งนี้!”
เมื่อสิ้นเสียงคำพูดนี้ ทหารของกรมกลาโหมก็กำอาวุธในมือแน่น รอเพียงคำสั่งสุดท้ายเท่านั้น
ทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนในตอนนี้ก็กลั้นหายใจ เตรียมพร้อมที่จะสู้ตาย
กวนอวิ๋นกล่าวเสียงทุ้ม “ท่านอ๋อง อย่าได้ไปขอร้องใครเพื่อพวกเราอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้พวกเราถูกฆ่าในวันนี้ ก็ไม่อยากเห็นท่านต้องไปขอร้องใครเช่นนี้!”
ในฐานะองค์ชาย ควรจะมีเกียรติและศักดิ์ศรีของราชวงศ์ จะไปขอร้องใครเพื่อพวกเขาได้อย่างไร
ถึงแม้ฉู่หนิงจะไม่ถือสา แต่พวกเขาก็ถือสา
ฉู่หนิงเห็นทั้งสองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน ก็พลันถอนหายใจยาว “เฮ้อ คาดไม่ถึงว่าต้าฉู่ของเราในยามนี้ นอกจากจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามภายนอกแล้ว ยังต้องมาเผชิญกับภัยคุกคามภายในอีก!”
“การลักลอบตีอาวุธ ก็เพื่อปกป้องบ้านเมือง ไม่ได้มีเจตนาส่วนตัวแอบแฝง หากใต้เท้าเฝิงยืนกรานจะใช้กฎหมายมาจัดการพวกเขา ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด!”
เฝิงอันกั๋วหัวเราะเยาะในใจ
ก็ต้องการให้เจ้าไม่มีอะไรจะพูดนี่แหละ!
ต้องการจะฆ่าคนของเจ้าต่อหน้าเจ้า
ใครใช้ให้เจ้าไปล่วงเกินองค์ชายรองเล่า!
“แต่ว่า...”
ฉู่หนิงสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาดุจพญาอินทรีจ้องเขม็งไปที่เฝิงอันกั๋ว กล่าวเสียงทุ้ม “เดิมทีคนเหล่านี้คือผู้ที่จะคุ้มกันข้าไปที่แนวหน้า หากถูกฆ่าไป ใต้เท้าเฝิงก็ต้องจัดสรรกำลังคนบางส่วนมาเป็นผู้คุ้มกันให้ข้า!”
หยุดไปครู่หนึ่ง ฉู่หนิงก็เหลือบมองทหารของกรมกลาโหมที่ล้อมตนเองอยู่ พยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “คนเหล่านี้ล้วนรูปร่างกำยำแข็งแรง ในมือยังมีทั้งอาวุธและชุดเกราะ ก็ให้พวกเขาติดตามข้าไปแนวหน้าด้วยกันเถิด!”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา เหล่าทหารของกรมกลาโหมตกใจจนหน้าซีดเผือด รู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง
แนวหน้า ใครมันจะกล้าไปกัน!
ที่นั่นแทบจะเป็นแดนประหารที่ต้องตายอย่างแน่นอน จะไปสบายเหมือนกับการรับราชการอยู่ในกรมกลาโหมที่เมืองหลวงได้อย่างไร
เฝิงอันกั๋วได้ยินดังนั้นสีหน้าก็ยิ่งเขียวคล้ำ จ้องฉู่หนิงเขม็ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จวิ้นอ๋องอย่าได้เปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้กระหม่อมกำลังพูดถึงเรื่องที่คนกลุ่มนี้ลักลอบตีอาวุธ!”
คิดจะมาฆ่าคนของเขาฉู่หนิงต่อหน้าสาธารณชน ก็จะต้องชดใช้
ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปาก ใบหน้าแสดงความใสซื่อดูไม่มีพิษมีภัย
“ใต้เท้าเฝิงจะไปทั้งอย่างนี้แล้วหรือ?”
เฝิงอันกั๋วที่กำลังจะหันหลังเดินจากไป สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย มุมปากกระตุก เอ่ยขึ้นเสียงเบา “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องยังมีอะไรจะสั่งอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ตนเองก็ไม่เอาความเรื่องลักลอบตีอาวุธแล้ว เจ้าฉู่หนิงยังจะต้องการอะไรอีก?
ฉู่หนิงชี้ไปยังกวนอวิ๋นและคนอื่น ๆ “เรื่องที่พวกเขาตีอาวุธ ใต้เท้าเฝิงไม่สืบสวนแล้วหรือ?”
“นี่...พวกเขาล้วนทำเพื่อบ้านเมือง แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จะต้องสืบสวนไปไย?”
“อย่างนั้นหรือ? แต่วันนี้ใต้เท้าเฝิงเป็นคนพาคนมาที่นี่ หากวันพรุ่งนี้เป็นใต้เท้าคนอื่นจากกรมกลาโหมนำคนมาสืบสวนที่นี่อีกเล่า?”
“เรื่องนี้ง่ายมาก ท่านนำป้ายอาญาสิทธิ์ของกระหม่อมไปที่กรมกลาโหมเพื่อขอหนังสือรับรองก็พอแล้ว มีหนังสือรับรอง ท่านจะตีอาวุธสักห้าร้อยชิ้นก็ยังได้!”
ฉู่หนิงยื่นมือไปรับป้ายอาญาสิทธิ์ที่เฝิงอันกั๋วยื่นให้ บนใบหน้าเผยความพึงพอใจออกมา
“ในเมื่อใต้เท้าเฝิงไม่เอาความแล้ว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ให้จบลงเพียงเท่านี้ จ้าวอวี่ เจ้านำป้ายอาญาสิทธิ์ของใต้เท้าเฝิงไปเอาหนังสือรับรองที่กรมกลาโหม!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวอวี่รับป้ายอาญาสิทธิ์แล้วรีบมุ่งหน้าไปยังกรมกลาโหมทันที
เฝิงอันกั๋วถอนหายใจอย่างโล่งอก “หากท่านอ๋องไม่มีอะไรจะสั่งแล้ว กระหม่อมขอทูลลา”
ฉู่หนิงมองแผ่นหลังของคนผู้นี้ที่จากไปราวกับหนีตาย บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรื่องอาวุธจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเมื่อเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องนี้แล้วจะทรงมีความคิดเห็นเช่นไร”
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้จะไม่รู้
ในตอนแรกที่อ่อนข้อให้เฝิงอันกั๋ว ก็เป็นเพียงการแสดงให้คนอื่นดูเท่านั้น
จุดประสงค์ที่แท้จริง ก็คือการทำให้ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้!
เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ ย่อมต้องมีการตอบโต้
ถึงแม้จะไม่ได้ใกล้ชิดกับฮ่องเต้ไร้ค่าผู้เป็นบิดามากนัก แต่ฮ่องเต้ไร้ค่าผู้นั้นก็เป็นคนรักหน้าตาอย่างยิ่ง วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จะต้องทรงเรียกเขาไปเข้าเฝ้าเป็นแน่
ถึงตอนนั้น เขาจะมอบสิ่งประหลาดใจให้กับเฝิงอันกั๋ว!
คิดจะฆ่าเขาฉู่หนิง ก็จะต้องชดใช้!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา