เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่ง ในคืนวันนั้น จ้าวหมิงก็นำรายชื่อหญิงสาวที่อยู่ในวัยเหมาะสมเข้ามาถวาย
ใต้แสงเทียนที่ริบหรี่ในยามค่ำคืน เดิมทีควรจะเงียบสงัด แต่ฮ่องเต้ที่อยู่ภายในตำหนักอิงอู่กลับทรงกระปรี้กระเปร่า ดวงพระเนตรคมแหลมคมกวาดมองรายชื่อในมืออย่างต่อเนื่อง
หญิงสาววัยเหมาะสมมีอยู่มากมาย แต่การจะหาคนที่เหมาะสมกับฉู่หนิงนั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่าย
ฉู่หนิงจะต้องเดินทางไปสนามรบที่แนวหน้า การไปครั้งนี้แทบจะไม่มีโอกาสได้กลับมา ภรรยาที่จะเลือกให้เขา จะต้องยอมรับในจุดนี้ได้
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ฉู่หนิงคือองค์ชาย ชาติตระกูลของภรรยาจะต่ำต้อยเกินไปไม่ได้
“หลานสาวของมหาราชครูอายุสิบหกแล้วหรือ? น่าเสียดาย มหาราชครูคงไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้แน่”
“เอ๊ะ? บุตรสาวของเสนาบดีโจวอายุสิบแปดแล้วยังไม่ออกเรือนหรือ? ไม่ได้ อายุมากไปหน่อย”
“บุตรสาวของหลิวอ้ายชิงอายุสิบห้าก็นับว่าเหมาะสมดี น่าเสียดายที่หลิวอ้ายชิงนั่นนิสัยเสีย เราไม่อยากจะไปยุ่งกับเขา”
ฮ่องเต้ทรงตรวจดูรายชื่อทีละบรรทัด ค่อย ๆ คัดคนที่ไม่เหมาะสมออกไปทีละคน
จ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างมองจนหนังตากระตุก
ฝ่าบาทคงไม่ได้ถือโอกาสนี้เลือกสนมเข้าวังหรอกกระมัง?
เผิงไหลจวิ้นอ๋องเป็นเพียงองค์ชายที่ไม่เป็นที่โปรดปราน กำลังจะไปตายที่แนวหน้าอยู่แล้ว เหตุใดจะต้องวุ่นวายเลือกภรรยาให้เขาด้วย?
แค่หาใครสักคนแต่งกับฉู่หนิงไปก็สิ้นเรื่องแล้ว
แน่นอนว่า คำพูดนี้จ้าวหมิงไม่กล้าพูดออกไป ทำได้เพียงคอยรินน้ำชาอยู่ข้าง ๆ เป็นครั้งคราว
กลิ่นหอมของชากระจายไปทั่ว ปลุกให้ฮ่องเต้ตื่นจากภวังค์
“ตาเฒ่าอย่างเจ้านี่ก็เจ้าเล่ห์นัก รายชื่อมากมายขนาดนี้ให้เราเลือกคนเดียว ส่วนตัวเองก็แอบอู้อยู่ข้าง ๆ ”
ฮ่องเต้ถลึงพระเนตร ยื่นรายชื่อในมือส่งไปให้ “เจ้าหาคนที่เหมาะสมจะแต่งกับฉู่หนิงมาให้เรา คืนนี้ถ้าหาไม่ได้ ก็ไม่ต้องนอน!”
จ้าวหมิงร้อนรนขึ้นมาทันที
เหตุใดถึงได้กลายเป็นเรื่องของตัวเองไปได้?
จ้าวหมิงใช้สองมือรับรายชื่อมา ไม่แม้แต่จะมองสักแวบเดียว ยิ้มเจื่อน ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท อันที่จริงมีคนหนึ่งที่เหมาะสมมากพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงพระเนตรของฮ่องเต้เป็นประกาย “เรารู้อยู่แล้วว่าตาเฒ่าอย่างเจ้าต้องมีความคิดเห็นดี ๆ แน่ รีบพูดมา เป็นใคร?”
“เสิ่นหว่านอิ๋งพ่ะย่ะค่ะ!”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ฮ่องเต้ก็ทรงเลิกคิ้วขึ้น พบว่าตนเองไม่มีความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับชื่อนี้เลย
จ้าวหมิงสังเกตเห็นความอึดอัดของฮ่องเต้ จึงรีบอธิบาย “สตรีผู้นี้เป็นทายาทของราชวงศ์ก่อน บิดาของนางพลีชีพในสนามรบเพื่อปกป้องแผ่นดินต้าฉู่ของเรา หลายปีมานี้ จวนเสิ่นอยู่ได้ก็เพราะการช่วยเหลือของรองเสนาบดีเฝิงพ่ะย่ะค่ะ
จะว่าไปแล้ว เสิ่นหว่านอิ๋งก็มีฐานะเป็นถึงท่านหญิง ฐานะก็เหมาะสมกับท่านอ๋องฉู่หนิงมากนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็พลันนึกขึ้นได้
ปฐมกษัตริย์แห่งต้าฉู่ได้ขึ้นครองราชย์จากการยึดอำนาจทางการทหารและราชสำนักของราชวงศ์ก่อน
แต่เพื่อแสดงถึงน้ำพระทัยอันกว้างขวางของปฐมกษัตริย์แห่งต้าฉู่ พระองค์จึงไม่ได้สังหารเชื้อพระวงศ์ก่อนจนสิ้นซาก แต่ให้พำนักอยู่ในเมืองหลวงและเลี้ยงดูเอาไว้
ด้านหนึ่งเพื่อเป็นการป่าวประกาศว่าต้าฉู่ปฏิบัติต่อทายาทของราชวงศ์ก่อนเป็นอย่างดี อีกด้านหนึ่งก็เป็นการกักบริเวณคนของราชวงศ์ก่อนไปในตัว
ด้วยเหตุนี้ ปฐมกษัตริย์แห่งต้าฉู่จึงได้ตั้งกฎว่า คนในตระกูลเสิ่นจะได้รับการสืบทอดตำแหน่งโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง!
บุรุษจะต้องเป็นจวิ้นอ๋อง สตรีย่อมต้องเป็นท่านหญิง!
เพียงแต่เมื่อมาถึงรุ่นของเสิ่นหว่านอิ๋ง บิดาของนางไม่เต็มใจที่จะถูกเลี้ยงดูอยู่ในเมืองหลวง จึงได้ละทิ้งพู่กัน หันไปจับอาวุธเดินทางไปออกรบที่แนวหน้า
แม้ว่าจะได้รู้จักกับเฝิงอันกั๋วที่แนวหน้า แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงเสียชีวิตในสงคราม
เฝิงอันกั๋วนั่นก็นับว่าเป็นคนที่มีคุณธรรมและน้ำใจ หลายปีมานี้ ก็คอยช่วยเหลือตระกูลเสิ่นมาโดยตลอด
เมื่อนึกถึงเฝิงอันกั๋ว บนพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“ตาเฒ่าอย่างเจ้านี่ ช่างเข้าใจเราเสียจริง!”
ฮ่องเต้ทรงพระสรวลเบา ๆ “ไปเขียนราชโองการบัดเดี๋ยวนี้ พระราชทานสมรสให้ฉู่หนิง รอจนเขาและเสิ่นหว่านอิ๋งแต่งงานกันแล้วค่อยไปแนวหน้า พรุ่งนี้ เจ้าจงไปประกาศราชโองการด้วยตนเอง”
“บ่าวน้อมรับพระราชโองการ!”
ท่ามกลางเสียงพระสรวลของฮ่องเต้ การแต่งงานของฉู่หนิงก็ถูกกำหนดลงเช่นนี้
จ้าวหมิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างขมขื่น
ใต้เท้าเฝิง ท่านจะมาโทษข้าไม่ได้นะ จะโทษก็ต้องโทษที่ฐานะของท่านหญิงเสิ่นนั่นพิเศษเกินไป ประกอบกับท่านเองก็ไปหาเรื่องท่านอ๋องฉู่หนิงเข้า
การให้ท่านหญิงเสิ่นแต่งออกไป ทั้งยังเป็นการแต่งให้กับองค์ชาย สามารถแสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่ของราชวงศ์ที่มีต่อตระกูลเสิ่น
ต่อให้ฉู่หนิงกำลังจะไปแนวหน้า แต่ฐานะองค์ชายก็ยังคงอยู่ที่นี่!
ตระกูลเสิ่น ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
อีกอย่าง วันนี้เฝิงอันกั๋วไปหาเรื่องฉู่หนิง ในพระทัยของฝ่าบาทย่อมมีโทสะอยู่แล้ว ถือโอกาสนี้สั่งสอนเฝิงอันกั๋วสักหน่อย ให้ฝ่าบาทได้ระบายโทสะ!
ไหนว่าการไปแนวหน้าครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย แล้วเหตุใดในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ยังจะมาพระราชทานสมรสอีก?
แนวหน้าก็ใกล้จะถูกคนอื่นล้อมไว้หมดแล้ว เขาในฐานะแม่ทัพใหญ่ไม่รีบไป แต่กลับจะต้องมาแต่งงานหรือ?
ช่างเหลวไหลสิ้นดี!
ฉู่หนิงขมวดคิ้ว ไม่ยอมรับราชโองการเสียที ทำให้จ้าวหมิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
จะให้ถือราชโองการค้างอยู่อย่างนี้ตลอดก็คงไม่ได้กระมัง?
จ้าวหมิงกระแอมครั้งหนึ่ง กระซิบเตือนเบา ๆ “ท่านอ๋อง ท่านควรจะรับราชโองการและขอบพระทัยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่หนิงลุกขึ้นยืน ดึงจ้าวหมิงไปข้าง ๆ แล้วกระซิบถาม “หัวหน้าจ้าว เสด็จพ่อทรงพระราชทานสมรสในยามนี้ มีพระประสงค์อันใดกันแน่?”
ระหว่างที่พูด ก็ยื่นถุงเงินถุงหนึ่งส่งไปให้
มุมปากของจ้าวหมิงกระตุก
หากเป็นเงินของคนอื่น เขาคงจะไม่รับเด็ดขาด
แต่ฉู่หนิงไม่เหมือนกัน
ฮ่องเต้ทรงออกหน้าให้ฉู่หนิงมาสองครั้งแล้ว
หากไม่รับเงินถุงนี้ ฉู่หนิงจะไม่พอใจ
ฉู่หนิงไม่พอใจ เขาก็จะเดือดร้อน
ยื่นมือออกไปรับเงิน จ้าวหมิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทไม่มีพระประสงค์อื่นใดหรอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ทรงรู้สึกว่าท่านอ๋องควรมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง จะได้ไม่มีใครกล้ามารังแกท่าน
ท่านหญิงเสิ่นผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดานะพ่ะย่ะค่ะ ไม่เพียงแต่จะมีรูปโฉมงดงามที่สุดในใต้หล้า ยังเป็นอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งของราชวงศ์เรา ท่านอ๋องมีบุญวาสนาแล้ว~”
พูดจบ จ้าวหมิงก็ยัดราชโองการใส่มือฉู่หนิง หัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “บ่าวยังต้องไปประกาศราชโองการที่จวนเสิ่นอีก คงจะไม่รบกวนท่านอ๋องแล้ว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบ จ้าวหมิงก็รีบร้อนจากไป
ฉู่หนิงมองราชโองการในมือแล้วตกอยู่ในห้วงความคิด
รูปโฉมงดงามที่สุดในใต้หล้า ทั้งยังเป็นอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งอีก?
สตรีเช่นนี้ เหตุใดต้องมาพระราชทานสมรสให้ตนด้วย?
นี่คงจะไม่ใช่หลุมพรางหรอกกระมัง?

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา