ภายในร้านตีเหล็ก เปลวไฟในเตาลุกโชน อุณหภูมิที่ร้อนระอุทำให้เหล่าทหารผ่านศึกทั้งหมดต้องถอดเสื้อท่อนบนออก
ภายใต้การสอนของฉู่หนิง พวกเขานำเหล็กดิบในมือมาตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
ที่เรียกว่าร้อยหลอมกลายเป็นเหล็กกล้า ไม่ใช่แค่การตีเหล็กหนึ่งร้อยครั้ง แต่คือการตีเหล็กให้มีความแข็งแกร่งจนถึงมาตรฐานของเหล็กกล้า
หนึ่งร้อยครั้งเป็นเพียงแนวคิด การจะเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ทำให้เหล็กกลายเป็นเหล็กกล้าได้นั้น เป็นกระบวนการที่ยาวนานอย่างยิ่ง
โชคดีที่สภาพร่างกายของเหล่าทหารผ่านศึกนั้นแข็งแกร่ง คนกว่าสามสิบคนแบ่งงานกันอย่างเป็นระบบ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง สถานการณ์ในร้านตีเหล็กเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีความวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย
ฉู่หนิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ด้วยความเร็วระดับนี้ อีกสามวันก็จะสามารถตีอาวุธออกมาได้หนึ่งชุด!”
มีผู้คุ้มกันแล้ว จะไม่มีอาวุธได้อย่างไร
การเดินทางไปแนวหน้าครั้งนี้ย่อมอันตรายอย่างยิ่ง การรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตนเองไว้คือสิ่งสำคัญที่สุด
ความสามารถของฉู่หนิงมีจำกัด ไม่สามารถจัดหาอาวุธเช่นนี้ให้แก่ทหารที่แนวหน้าได้ทั้งหมด แต่การติดอาวุธให้แก่ผู้คุ้มกันของตนเองนั้นยังไม่มีปัญหา
อย่างไรเสียร้านตีเหล็กแห่งนี้ก็เป็นของที่องค์ชายรองมอบให้ วัสดุที่จำเป็นสำหรับการตีเหล็กก็มีครบครัน ช่วยประหยัดเงินไปได้ไม่น้อย
ทว่า จ้าวอวี่ที่อยู่ด้านข้างกลับกล่าวด้วยความกังวล “ท่านอ๋อง เรื่องในวันนี้ เกรงว่าทางฝั่งองค์ชายรองคงจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่หนิงยักไหล่ “ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน รับมือแก้ไขไปตามสถานการณ์ หากพี่รองจะตำหนิจริง ๆ ก็ให้ข้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
จ้าวอวี่และกวนอวิ๋นสบตากัน บนใบหน้าปรากฏความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
จวิ้นอ๋องยอมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวก็เพื่อสหายเหล่านั้น!
แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว
หากเบื้องบนจะลงโทษจริง ๆ พวกเขายินดีที่จะรับผิดชอบร่วมกับท่านอ๋อง
ขณะที่ทั้งสองกำลังตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ทันใดนั้นก็มีเสียงกีบม้าดังมาจากระยะไกล
พร้อมกับเสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด กองกำลังกลุ่มหนึ่งก็ควบม้าจากถนนมุ่งหน้ามายังร้านตีเหล็ก
“กรมกลาโหมปฏิบัติหน้าที่ ผู้ไม่เกี่ยวข้องหลีกทางไป ผู้ใดขวางทาง ต้องถูกลงโทษอย่างหนัก!”
บุรุษในชุดเกราะที่เป็นผู้นำตวาดลั่น ชาวบ้านบนถนนได้ยินก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด พากันหลีกทางให้
บนถนนที่ไร้สิ่งกีดขวาง เฝิงอันกั๋วรองเสนาบดีกรมกลาโหม นำกองกำลังของกรมกลาโหมมาถึงร้านตีเหล็กด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ
“ทหาร ปิดล้อมที่นี่ไว้!” เฝิงอันกั๋วสะบัดบังเหียนในมือ ทหารของกรมกลาโหมก็เข้าล้อมร้านตีเหล็กไว้ในทันที
กวนอวิ๋นเป็นคนเลือดร้อน เมื่อเห็นสถานการณ์ก็โมโหอย่างยิ่ง แรงกดดันทั่วร่างพลันระเบิดออกมา พุ่งตัวเข้าไปยืนขวางอยู่ข้างหน้าฉู่หนิง
“บังอาจ กล้าดีอย่างไรมาล้อมเผิงไหลจวิ้นอ๋อง!”
การชิงลงมือก่อนไม่ได้ทำให้เฝิงอันกั๋วถอย แต่กลับหัวเราะเยาะ “แค่ทหารรักษาพระองค์ตัวเล็ก ๆ ยังกล้ามาตะโกนโหวกเหวกต่อหน้าข้าอีกหรือ?”
“ทหาร คนผู้นี้เหิมเกริมต่อเบื้องสูง ล่วงเกินข้า จัดการเขาเสีย ณ ที่นี้!”
องค์ชายรองต้องการจะสั่งสอนเผิงไหลจวิ้นอ๋อง เช่นนั้นก็ต้องแสดงอำนาจข่มขวัญกันเสียหน่อย
เริ่มลงมือจากคนข้างกายของเผิงไหลจวิ้นอ๋อง!
สิ้นเสียงคำสั่ง เหล่าทหารก็ถือหอกยาวพุ่งเข้าใส่กวนอวิ๋น
จ้าวอวี่สีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบตวัดหอกยาวในมือเข้าประจันหน้าทันที
ในขณะเดียวกัน ทหารผ่านศึกกว่าสามสิบคนก็รีบเข้าล้อมไว้ กองกำลังทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน
เฝิงอันกั๋วแอบหัวเราะในใจ
สู้กันเลยสิ อย่างไรเสียกรมกลาโหมก็มีคนเยอะกว่า อีกทั้งยังเป็นทหารชั้นยอดที่คัดเลือกมาจากกองทัพทั่วสารทิศ สู้กันไปก็ไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน
ขอเพียงจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย สร้างผลงานให้องค์ชายรองเห็น ต่อไปตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็พอจะแย่งชิงมาได้
วันนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องสั่งสอนเผิงไหลจวิ้นอ๋องที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมีผู้นี้ให้ได้!
ก็แค่องค์ชายขยะคนหนึ่ง ยังกล้ามาต่อกรกับองค์ชายรอง ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!
เมื่อมองคนกว่าสามสิบคนที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า มุมปากของเฝิงอันกั๋วก็เผยรอยยิ้มเย็นชา “ดีนี่ ที่แท้เจ้าก็มีพรรคพวกด้วย!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ฆ่าพวกมันให้หมด!”
อย่างไรเสียองค์ชายขยะนั่นไปแนวหน้าก็เพื่อไปตาย คนพวกนี้ตามไปก็ตายเหมือนกัน
จะตายช้าหรือตายเร็ว สู้ตายด้วยน้ำมือเขา ให้เขาได้สร้างชื่อเสียงในหมู่ขุนนางของเมืองหลวงเสียยังจะดีกว่า
เฝิงอันกั๋วหัวเราะเยาะในใจ
ลูกไม้ตื้น ๆ แบบนี้ ใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก
แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้รวบยอดทั้งสองเรื่อง คนพวกนี้อย่าหวังว่าจะรอดไปได้สักคน!
ดวงตาหรี่ลง บนใบหน้าของเฝิงอันกั๋วปรากฏเจตนาสังหาร
“จวิ้นอ๋อง กระหม่อมได้รับแจ้งมาว่า มีคนลักลอบตีอาวุธอยู่ที่นี่!”
สีหน้าของฉู่หนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดึงเฝิงอันกั๋วไปด้านข้างแล้วกระซิบเสียงเบา “ใต้เท้าเฝิง เป็นข้าเองที่ให้พวกเขาตีอาวุธเพื่อใช้ป้องกันตัว ท่านน่าจะทราบดีว่าข้ากำลังจะไปแนวหน้า และคนเหล่านี้ก็เป็นผู้คุ้มกันของข้า หากไม่มีอาวุธ...”
“จวิ้นอ๋อง!”
เฝิงอันกั๋วไม่รอให้ฉู่หนิงพูดจบ สะบัดแขนเสื้อแล้วขัดจังหวะด้วยเสียงเย็นชา “ทุกเรื่องย่อมต้องมีกฎระเบียบ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนของท่านหรือไม่ และไม่ว่าพวกเขาจะตีอาวุธเพื่อไปใช้ที่แนวหน้าหรือไม่ พวกเขาก็ได้ลักลอบตีอาวุธ!
นี่เป็นความผิดมหันต์ หากท่านอ๋องคิดจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เกรงว่าแม้แต่ฝ่าบาทก็คงจะปกป้องท่านไม่ได้!”
ฉู่หนิงแสดงสีหน้าจนปัญญาอย่างยิ่ง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความอ้อนวอน “ใต้เท้าเฝิง เรื่องนี้ไม่มีทางผ่อนปรนได้เลยหรือ? ข้ายินดีจะจ่ายเงินเพื่อไถ่โทษให้พวกเขา ได้หรือไม่?”
ในฐานะองค์ชาย กลับต้องมาทำตัวอ่อนน้อมอ้อนวอนรองเสนาบดีกรมกลาโหมคนหนึ่งถึงเพียงนี้ หากเรื่องแพร่ออกไป จะต้องกลายเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน!
เฝิงอันกั๋วแอบรู้สึกสะใจอย่างยิ่ง
ต่อให้เจ้าฉู่หนิงจะเป็นองค์ชาย เป็นจวิ้นอ๋อง แล้วอย่างไรเล่า!
สุดท้ายก็ต้องมาอ้อนวอนขอให้ตนปล่อยคนอยู่ดี
แต่เมื่อมีจุดอ่อนอยู่ในมือแล้ว จะยอมปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
มุมปากของเฝิงอันกั๋วยกยิ้มเล็กน้อย เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “จวิ้นอ๋อง เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่ยังเกี่ยวข้องกับตัวท่านเองด้วย!
หากคิดจะแสดงความบริสุทธิ์ กระหม่อมแนะนำให้ท่านทอดทิ้งพวกเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้ กระหม่อมจะประหารพวกเขา ณ ที่แห่งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนอื่นก็จะไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่าน”
ฆ่าคนพวกนี้แล้ว ฉู่หนิงก็จะเหลือตัวคนเดียว ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก แต่ไปแนวหน้าก็ไม่มีผู้คุ้มกัน ย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
องค์ชายรอง ท่านโปรดดูให้ดีเถิด เรื่องนี้กระหม่อมจะจัดการให้ท่านอย่างงดงามแน่นอน!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา