“ฆ่าคนหรือ? ไม่จำเป็นหรอก”
ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย กล่าวอย่างเย็นชา “ข้ากำลังจะไปแนวหน้า การต่อสู้แย่งชิงอำนาจในเมืองหลวงไม่เกี่ยวกับข้า การฆ่าคนไม่มีประโยชน์อันใดต่อข้า”
กวนอวิ๋นชะงักไป
เพื่อความปลอดภัยของแนวหน้า จวิ้นอ๋องยอมที่จะไม่รักษาหน้าตาของตนเอง กระทั่งไม่คิดจะต่อสู้แย่งชิงกับองค์ชายคนอื่น ๆ
หากในราชสำนักมีคนสนับสนุน จวิ้นอ๋องต่างหากคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะสืบทอดบัลลังก์
น่าเสียดายที่การไปแนวหน้าครั้งนี้ มีโอกาสตายมากกว่ารอดมากนัก เกรงว่าทั้งชีวิตนี้จวิ้นอ๋องคงไม่มีโอกาสเช่นนั้นแล้ว
“เอาละ ไม่ต้องไปสนใจเซียวหมิงผู้นั้น ต่อไปนี้ข้าจะสอนวิธีการตีเหล็กแบบหนึ่งให้พวกเจ้า”
ฉู่หนิงหยิบเหล็กดิบที่ถูกตีเป็นรูปทรงของดาบขึ้นมา กล่าวอย่างช้า ๆ “วิธีนี้เรียกว่าร้อยหลอมกลายเป็นเหล็กกล้า!”
หลังจากที่ได้เห็นกระบี่คู่กายและหอกประจำตัวของฮ่องเต้แล้ว ฉู่หนิงก็มั่นใจว่ายุคสมัยนี้ยังคงหยุดอยู่ที่ยุคเหล็ก
อาวุธทั้งหมด ล้วนทำมาจากเหล็ก
และครั้งนี้ เขาจะหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้า เพื่อสร้างอาวุธถนัดมือให้ผู้คุ้มกันของตนเอง
ภายใต้การสอนของฉู่หนิง เหล่าทหารผ่านศึกก็เริ่มลงมือตีเหล็ก เสียงตีเหล็กภายในร้านตีเหล็กดังขึ้นไม่ขาดสาย
การตีเหล็กครั้งแรก ฉู่หนิงไม่วางใจ เขาจึงลงมือด้วยตนเอง
ภาพนี้ ก็ถูกคนที่มีเจตนาแอบแฝงมองเห็นเข้า
ข่าวแพร่ไปถึงพระราชวังอย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้ที่เพิ่งเลิกว่าราชการกำลังตรวจฎีกาอยู่ในตำหนัก ข้างกายมีหัวหน้าขันทีจ้าวหมิงคอยปรนนิบัติอยู่
ทันใดนั้น องครักษ์เงาก็เข้ามารายงาน “ฝ่าบาท เผิงไหลจวิ้นอ๋องได้ไล่พวกช่างตีเหล็กไปแล้ว เขา... เขากำลังตีอาวุธในร้านตีเหล็กด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ที่เดิมทีทรงอารมณ์ดีอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นสีพระพักตร์ก็พลันมืดมนอย่างยิ่ง ดวงตาอันเย็นเยียบฉายแววอำมหิตน่าสะพรึงกลัว
“หึ องค์ชายผู้สูงศักดิ์กลับลงมือตีเหล็กด้วยตนเอง นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ฝ่าบาท เรื่องนี้มีเหตุผลที่มาที่ไปพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์เงาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านตีเหล็กวันนี้ให้ฟังหนึ่งรอบ
ฮ่องเต้ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง ยิ่งฟังก็ยิ่งกริ้ว
ฉู่หนิงเป็นโอรสของเรา ถึงจะเป็นบุตรนอกสมรส ต่อให้ไม่มีอำนาจและบารมี แต่ก็จะไปรับใช้บ้านเมืองที่แนวหน้าแล้ว
แค่เถ้าแก่ร้านตีเหล็กแห่งหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมารังแกฉู่หนิงถึงเพียงนี้!
เจ้าฉู่หนิงนี่ก็เหมือนกัน เจ้าเป็นถึงองค์ชายผู้สูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้อ่อนน้อมถ่อมตนถึงเพียงนี้?
เหตุใดเจ้าไม่กล้าแสดงอำนาจและบารมีขององค์ชายออกมา?
เหตุใดเจ้าถึงไม่กล้าหยิ่งผยองโอหังกว่านี้อีกสักหน่อย!
ยิ่งคิดก็ยิ่งกริ้ว ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น กลิ่นอายสังหารแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตำหนัก
จ้าวหมิงที่คุ้นเคยกับนิสัยของฮ่องเต้ดีถึงกับคอหด รู้สึกเย็นเยียบไปถึงสันหลัง
เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังจะฆ่าคนแล้ว!
“ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”
ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อ แล้วกล่าวเสียงเย็น “แค่เถ้าแก่ตัวเล็ก ๆ กล้ามารังแกฉู่หนิง ฉู่หนิงไม่อยากจะก่อเรื่อง แต่เราจะปล่อยให้คนผู้นี้กำเริบเสิบสานได้อย่างไร”
“องครักษ์เงา เจ้าจงนำคนไปฆ่าล้างตระกูลเถ้าแก่นั่นเสีย!”
องครักษ์เงาตกตะลึง
ไม่จริงน่า แค่ต่อปากต่อคำกับฉู่หนิงไม่กี่ประโยค ฮ่องเต้ถึงกับจะสั่งฆ่าล้างตระกูลเชียวหรือ?
“ฝ่าบาท เถ้าแก่นั่นเป็นคนที่องค์รัชทายาทส่งไปแฝงตัวอยู่กับองค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ถลึงตา “เราไม่สนว่ามันเป็นคนของใคร รังแกองค์ชาย ต้องตายสถานเดียว!”
องครักษ์เงาใจสั่น รู้ว่าฮ่องเต้ทรงพิโรธแล้ว จึงรีบรับคำแล้วออกไปจัดการทันที
จ้าวหมิงรีบยกน้ำชาเข้ามา “ฝ่าบาททรงจิบชาดับโทสะก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เหลือบมองถ้วยชาแวบหนึ่ง กำลังจะปฏิเสธ แต่เมื่อพบว่าใบชาข้างในเป็นของที่ฉู่หนิงมอบให้ ในใจก็รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย
เจ้าเด็กฉู่หนิงนี่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง ไม่กล้าล่วงเกินผู้ใด ถึงกับถูกเถ้าแก่ร้านตีเหล็กตัวเล็ก ๆ รังแกถึงเพียงนี้
หากเราไม่ออกหน้าให้ฉู่หนิง แล้วเกียรติของราชวงศ์จะเหลืออะไร?
จากนั้นยื่นพระหัตถ์ไปยกถ้วยชาขึ้นมาจิบเบา ๆ คำพูดขององครักษ์เงาเมื่อครู่ก็เริ่มดังก้องอยู่ในหัวอย่างช้า ๆ
เวลานี้ จ้าวหมิงก็ยิ้มพลางกระซิบเบา ๆ “อันที่จริงเผิงไหลจวิ้นอ๋องก็ทรงชาญฉลาดมากนะพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่กลยุทธ์ที่ทำให้เจ้าเซียวหมิงนั่นยอมมอบร้านตีเหล็กออกมาเอง ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนประหลาดใจแล้ว
องค์รัชทายาทถึงกับตะลึง เจตนาสังหารทั่วร่างพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
องครักษ์เงาฟังคำสั่งจากเสด็จพ่อเท่านั้น!
เรื่องนี้เป็นฝีมือของเสด็จพ่อ
“เหตุใดเสด็จพ่อถึงต้องฆ่าล้างตระกูลเซียวหมิง?”
“เพราะวันนี้เซียวหมิงจงใจหาเรื่องเผิงไหลจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
เหอเผิงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟังคร่าว ๆ
องค์รัชทายาทหลังจากฟังจบก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หัวเราะเยาะพลางเอ่ยขึ้น “เพื่อไอ้ขยะฉู่หนิงคนเดียว สด็จพ่อถึงกับสั่งฆ่าล้างตระกูล ดูเหมือนว่าฉู่หนิงผู้นี้จะเก็บไว้ไม่ได้แล้ว!”
ในใจของเหอเผิงเคียดแค้น “ให้กระหม่อมไปสั่งสอนเขาสักหน่อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่จำเป็น!”
มุมปากขององค์รัชทายาทเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ภายนอกเซียวหมิงเป็นคนของน้องรอง ข้าเชื่อว่าตอนนี้น้องรองคงจะโกรธแค้นยิ่งกว่า รอดูพวกเขาต่อสู้กันเองไม่ดีกว่าหรือ?”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เหอเผิงรับคำ หลังจากออกไปแล้วก็ส่งคนไปกระจายข่าว
ครึ่งชั่วยามต่อมา ภายในจวนองค์ชายรองก็มีเสียงคำรามดังลั่น
พร้อมกับเสียงแจกันแตกกระจาย ดวงตาทั้งสองของฉู่หมิงแดงก่ำ สองมือกำแน่น ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจที่ยากจะระบายออกมา ทำให้หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด
“ดีมากฉู่หนิง ร้านตีเหล็กเจ้าเอาไปก็ช่างเถอะ ยังจะมาไล่ช่างตีเหล็กออกไป มิหนำซ้ำยังทำให้เสด็จพ่อฆ่าล้างตระกูลเซียวหมิงอีก เจ้าช่างใจคอโหดเหี้ยมนัก!”
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ฉู่หมิงถึงกับพลิกโต๊ะด้วยความโมโห!
“รีดไถร้านตีเหล็กสองแห่งกับเงินหนึ่งพันตำลึงของข้าไป ทำให้ข้าต้องถูกกักบริเวณ ตอนนี้ยังมาฆ่าคนของข้าอีก หากข้าไม่ตอบโต้กลับไป จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกของทุกคนหรอกหรือ!”
ฉู่หมิงคำรามลั่นออกไปนอกห้องโถง “ไปตามรองเสนาบดีกรมกลาโหมมาพบข้า!”
ลักลอบตีอาวุธ นี่เป็นความผิดมหันต์!
ถึงแม้เสด็จพ่อจะไม่ฆ่าฉู่หนิง ก็จะต้องลงโทษอย่างแน่นอน
ข้า ก็แค่จะทำให้ฉู่หนิงต้องเดือดร้อนบ้าง!
ก็แค่ตัวตายตัวแทน ยังกล้ามาทำตามอำเภอใจในเมืองหลวงอีกหรือ!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา