สวามีข้าโฉมงามดั่งปุบผา นิยาย บท 6

หลังจากป้อนยาเสร็จ เมิ่งอู่เองก็แทบจะเหนื่อยล้าเต็มทน นางมองไปยังบุรุษใบหน้างดงามที่ถูกนางช่วยมาผู้นี้ และกล่าวว่า : “ข้าทำสุดความสามารถที่ข้าควรจะทำแล้ว จะผ่านคืนนี้ไปได้หรือไม่นั้น ก็แล้วแต่โชคชะตาของเจ้า”

ในสมัยโบราณมักมีข้อจำกัด แม้ว่านางจะทำความสะอาดบาดแผลให้เขามากที่สุดแล้ว แต่เขาก็ยังมีโอกาสติดเชื้อได้

เมิ่งอู่จัดการเสื้อผ้าเปื้อนเลือดตัวนั้นของเขา โชคดีที่ภายในเรือนยังมีเสื้อผ้าที่ท่านพ่อของนางทิ้งไว้ให้ พอจะให้เขาเปลี่ยนได้ชั่วคราว

ดวงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า ภายในห้องที่มีคนป่วยหนึ่งคนและคนบาดเจ็บอีกหนึ่งคนได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง แต่แล้วจู่ ๆ ประตูเรือนที่เก่าผุพังกลับถูกคนเคาะขึ้นเสียงดัง

ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดจากข้างนอก : “เมิ่งอู่! เมิ่งอู่นังคนสารเลว รีบโผล่หน้ามาเดี๋ยวนี้!”

นางเซี่ยตื่นตระหนกตกใจ เมิ่งอู่จึงได้กล่าวออกไปราวกับไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น : “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าไปประเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว”

“อาอู่.........เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”

“เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ”

เมิ่งอู่กล่าวพลางปัดชายเสื้อผ้าที่หยาบกระด้าง จากนั้นก็เดินออกไปอย่างสงบ

นางหรี่ตาลงเล็กน้อย แสงแดดอ่อน ๆ ยามเย็นทอแสงประกายสาดส่องเข้ามาในดวงตาของนาง เห็น ๆ อยู่ว่าในช่วงนี้คือฤดูร้อน แต่ความระยิบระยับแวววาวที่ตกกระทบนั้นกลับแผ่ซ่านความหนาวเหน็บไปทั่วทุกระเบียบนิ้ว

ในทุ่งข้าวฟ่าง นางยังไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัด จึงหักมือข้างหนึ่งของหวังสี่ซุ่น ตัดระบบสืบทายาทของเขา เช่นนั้นถือว่าเป็นโชคดีของเขาแล้ว

แต่ในความเป็นจริง หวังสี่ซุ่นกลับบีบคอของเมิ่งอู่ไปแล้ว

นางยังไม่ได้บุกไปหาเรื่องใคร แต่พวกเขากลับบุกมาถึงที่เสียก่อน

ทันทีที่เมิ่งอู่เปิดประตู ก็พบกับคนกลุ่มหนึ่งยืนรายล้อมอยู่ด้านนอก

ครั้นหญิงสาวที่อยู่หน้าสุดเห็นนางเดินออกมา ก็ได้ตะโกนออกไปอย่างโหดร้ายในคราวเดียว : “เร็ว จับนางมัดไว้เดี๋ยวนี้!”

หลังจากที่ค้นหาช่วงเวลาในห้วงความทรงจำพักหนึ่งเมิ่งอู่ก็ได้รู้ว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นมารดาของหวังสี่ซุ่น ใช้แซ่สามี คนในหมู่บ้านจึงเรียกนางว่า แม่เฒ่าหวัง

ชายในหมู่บ้านทั้งสองที่แม่เฒ่าหวังคอยบงการอยู่เบื้องหลังได้เตรียมตัวไว้ก่อน วินาทีแรกที่เมิ่งอู่เดินออกมาก็รีบนำเชือกเข้าไปมัดตัวนางทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สวามีข้าโฉมงามดั่งปุบผา