เดิมทีต้องการถ่วงเมิ่งอู่เพียงแค่คนเดียว แต่ตอนนี้กลับถูกลากลงไปอีกสองคน ไม่เป็นการคร่าทั้งสองชีวิตโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ
ดังนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงได้รีบดึงสติกลับมา สบโอกาสที่ทั้งสามคนถูกถ่วงลงไปในน้ำ เรียกให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันดึงทั้งสามคนขึ้นมาจากหนองบึง
แม่เฒ่าหวังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดอยู่ในน้ำ นางเฮ่อพยายามดึงขาของนาง เมิ่งอู่ก็ดึงรั้งนางเฮ่ออย่างไม่สะทกสะท้านเช่นกัน
สุดท้ายทั้งสามคนก็ถูกดึงขึ้นมาได้ในที่สุด
หลังจากที่แม่เฒ่าหวังขึ้นมาบนฝั่งได้ก็ยกข้างขาหนึ่งสะบัดนางเฮ่อออกไป จากนั้นก็ขยับตัวไปด้านข้างด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะก่นด่าออกไป
ส่วนเมิ่งอู่กลับสบโอกาสปีนป่ายขึ้นมาบนขาที่เปียกชุ่มของนางเฮ่อ ซึ่งนางเฮ่อไม่เพียงแต่ไม่เตะนางออกไปแล้ว แม้แต่ขยับขา นางก็ยังไม่มีเรี่ยวแรงเลย
นางเหมือนกับพืชน้ำ หากพันธนาการร่างกายแล้ว ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น ไม่สามารถหลุดพ้นได้!
สุดท้ายเมิ่งอู่ก็รุดหน้าขึ้นมาข่มเหง นางเฮ่อจึงเผชิญหน้ากับนางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เส้นผมที่เปียกชุ่มของนางคลอเคลียอยู่บนใบหน้าและลำคอ มุมปากยกยิ้มอย่างเห็นได้ชัด แต่รอยยิ้มที่แต้มอยู่บนริมฝีปากนั้นกลับน่าหวาดกลัวอย่างมาก
เมิ่งอู่กล่าวเบา ๆ ว่า : “ท่านย่า ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้อยากให้ข้าตายหรอก ท่านดูสิ ชีวิตของเราล้วนเกี่ยวพันกัน หากข้าตาย ข้าก็จะปีนป่ายมาหาท่าน”
น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกนั้น เหมือนกับผีพรายที่ปีนขึ้นมาจากน้ำ มาเอาชีวิต ตามล้างตามผลาญ
นางเฮ่อที่เพิ่งสำลักน้ำจิตใจยังหวาดผวา ยิ่งถูกเมิ่งอู่ข่มขู่ก็ยิ่งร้องกรีด
ท่านลุงเมิ่งที่เห็นเหตุการณ์นี้ ก็รีบเข้ามากระชากตัวของเมิ่งอู่ออกไปด้วยความโกรธเคือง และประคองนางเฮ่อขึ้นมา
เวลานี้ เสียงตะโกนอย่างน่าเวทนาก็ดังขึ้นจากด้านหลัง : “ข้ายังไม่ตาย! ผู้ใดกล้าทำร้ายอาอู่ของข้า!”
ทันทีที่โพล่งออกมา ก็ตามมาด้วยเสียงไอติดต่อกันฉับพลัน
เมิ่งอู่คงรักษาอารมณ์เดิมไว้ หัวใจก็พลันสั่นไหว จากนั้นก็เงยหน้าและมองไปตามเสียง
เห็นนางเซี่ยกำลังฝ่าฝูงชนออกมาอย่างยากลำบาก ลากสังขารที่ป่วยหนักเดินโซซัดโซเซออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สวามีข้าโฉมงามดั่งปุบผา
คุณแอดมินมาอัพเดทบทต่อไปทีนะคะ อยากอ่านมากๆเลย...